การตลาดยุค 3.0 [Marketing 3.0]

January 26th, 2012

Marketing 3.0 [การตลาดยุค 3.0]
Class for PFIZER ENTREPRENEURSHIP ; MANAGEMENT OF INNOVATION @ SASIN
26 January 2012

Photobucket

Download here, www.brandanything.biz/download/MARKETING 3.0 HANDOUT.pdf.zip

^____^

Categories: Articles Anything | Tags: , , , , , | No Comments

ผ้าป่าการกุศล สร้างกุฏิหลวงปู่บุญเพ็ง เจ้าอาวาสวัดถ้ำกลองเพล

June 10th, 2011

สวัสดีคะเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคน ขอแจ้งข่าวดีให้กับทุกท่านได้ทราบนะคะว่าทางแบรนด์เอนี่ติง และคณะได้ทำการทอดผ้าป่า สร้างกุฎิให้กับหลวงปู่บุญเพ็ง ด้วยเงินจำนวน 1.35 ล้านบาทเมื่อวันที่ 4 5 มิ.ย ที่ผ่านมาคะ

หลวงปู่อินถวาย ประธานฝ่ายสงฆ์ของงานทอดผ้าป่าครั้งนี้

บรรดาญาติโยมเข้าร่วมงานทอดผ้าป่ากันอย่างคับคั่ง

ภาพงานก่อสร้างกุฏิ ถวายหลวงปู่บุญเพ็ง ซึ่งได้คืบหน้าไปมากแล้วคะ

ภาพจากซ้าย คุณต่าย คุณอ๋อย จาก LNS คุณย่าจงจิตต์ คุณอังษณา และคุณสรณ์ จาก แบรนด์เอนี่ติงคะ

ต้องขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะคะ ที่ท่านได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างบุญกุศลร่วมกัน เงินทุกบาทที่ท่านได้ร่วมวกันทำบุญโดยการเข้าร่วมงานสัมมนาต่างๆของอาจารย์สรณ์นั้น ได้ถูกนำมาถวายในการทอดผ้าป่าครั้งนี้ด้วย ^^

บุญกุศล ความดีเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถแย่งไปจากท่านได้ อยากได้ต้องทำเอง อยากได้ต้องไขว่คว้าเอง เพราะฉะนั้นสะสมบุญกันเยอะๆนะคะ แล้วเราจะมีความสุขกับทุกวันของชีวิต ^^

Categories: Gallery Anything | Tags: | No Comments

เชิญพบกับงานเสวนา “ยุทธการแปลงโฉมและกลายพันธุ์แบรนด์ SMEs”

June 7th, 2011

ฟรี! เสวนา “ยุทธการแปลงโฉมและกลายพันธุ์แบรนด์ SMEs” งานเสวนาดีๆแบบนี้ไม่ควรพลาดนะคะ

วันที่ 22 มิถุนายน 2554 เวลา 9.00 – 12.00 น. ณ Paragon Cineplex รีบจองด่วนนะคะ จำนวนจำกัดค่ะ

Categories: Seminar & Workshop Schedule | Tags: | No Comments

Y&Rchetypes (Archetype) – 13 ตัวตนของแบรนด์

June 2nd, 2011

Y&Rchetypes (Archetype) เป็นเครื่องมืออีกตัวหนึ่งที่บริษัท Y&R สร้างขึ้นมาเพื่อศึกษาความหมายของแบรนด์ (Brand Meaning) ที่ซ่อนอยู่ในความคิดความรู้สึกของผู้บริโภค ซึ่งนักสร้างแบรนด์หลายท่านเรียกสิ่งนี้ว่า Brand DNA นอกจากนี้แล้ว Y&Rchetypes ยังใช้จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆในการวางตำแหน่งของแบรนด์ (Brand Positioning) ให้โดนใจผู้บริโภคได้อีกด้วย โดยการใช้ลักษณะของตัวละครจากตำนาน เทพนิยาย หรือวรรณคดีต่างๆที่เป็นสากลมาใช้ในการศึกษาและวางแผน

ท่านผู้อ่านเคยสังเกตไหมครับว่า เรื่องราวที่พบได้เสมอในละคร ตำนาน เทพนิยาย หรือวรรณคดีต่างๆไม่ว่าจะเป็นของชาติไหนวัฒนธรรมใด ต่างก็มีเรื่องราวและบทบาทของตัวละครที่ส่วนใหญ่ใกล้เคียงกัน ซึ่งต่อมาได้มีนักจิตวิทยาชื่อดังชาวสวิสนามว่า Carl Gustav Jung ได้ทำการศึกษาเรื่องอิทธิพลของผลรวมแห่งจิตใต้สำนึกของมนุษย์ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรม (Collective Unconscious) โดยศึกษาจากความคิดฝันของมนุษย์ในเรื่องราวของตำนาน เทพนิยาย หรือวรรณคดีต่างๆของหลายเชื้อชาติจากหลากหลายวัฒนธรรมแล้วพบว่า ส่วนใหญ่มีเคร้าโครงที่ใกล้เคียงกันนั่นคือ เรื่องราวการเดินทางในชีวิตของพระเอกหรือตัวละครเอก (Hero Journey) ซึ่งลักษณะและบทบาทของตัวละครเอกในแต่ละเชื้อชาติก็จะแตกต่างกันไป โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 บทบาทใหญ่คือ พระเอกนักสู้ (Warrior) พระเอกนักผจญภัย (Explorer) พระเอกนักปกครอง (Patriarch) และพระเอกนักรัก (Lover) อย่างไรก็ตามนอกจากตัวละครเอกแล้วก็มีบทบาทของตัวละครอื่นๆเข้ามาร่วมด้วยเพื่อให้เรื่องราวนี้ดำเนินต่อไปได้ไม่ว่าจะเป็น นางเอกผู้ใสชื่อ (Maiden) สหายที่ร่วมผจญภัย (Companion) ตัวตลก (Jester) นักปราชญ์ (Sage) ฯลฯ จากบทบาทของตัวละครที่หลากหลายแต่กลับคล้ายคลึงกันในนิยายหรือวรรณคดีของแต่ละเชื้อชาติทำให้ Carl Gustav Jung พบว่า บทบาทของตัวละครที่มนุษย์จินตนาการเหล่านี้คือสิ่งที่สะท้อนจิตใต้สำนึกของแต่ละคนให้แสดงบุคลิก พฤติกรรมออกมาในสิ่งที่อยากเป็นและให้คนอื่นมองเห็นอย่างที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว ซึ่ง Carl Gustav Jung เรียกสิ่งนี้ว่า Human Archetype
Y&Rchetypes ถูกพัฒนาขึ้นมาจากแนวคิดเรื่อง Human Archetype นี้ เพื่อใช้ในการศึกษาความหมายของแบรนด์ (Brand Meaning) ที่ซ่อนอยู่ในใจผู้บริโภคผ่านทางลักษณะของตัวละครต่างๆ จากการศึกษาของ Carl Gustav Jung พบว่า Human Archetype นั้นสามารถแบ่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ออกได้เป็น 5 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้
1. กลุ่มจิตวิญญาณ (Spirit) ซึ่งยึดมั่นในอุดมการณ์
2. กลุ่มความคิด (Thought) ซึ่งสุขุมและมีสติปัญญาล้ำลึก
3. กลุ่มพลังงาน (Energy) ซึ่งเต็มไปด้วยพลังในการสร้างสรรค์เปลี่ยนแปลง
4. กลุ่มอารมณ์ (Emotion) ซึ่งเป็นมิตรและใจดีมีเสน่ห์
5. กลุ่มแก่นสาร (Substance) ซึ่งเต็มไปด้วยสาระและความอุดมสมบูรณ์มั่งคั่ง

Y&R ได้นำเอาข้อมูลความรู้จาก BAV มาวิเคราะห์ร่วมกับแนวคิดเรื่อง Human Archetype นี้จนสามารถจัดแบ่งตัวตนของแบรนด์ออกได้เป็น 13 ประเภท ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ย่อยที่สืบเชื้อสายมาจาก 5 เผ่าพันธุ์ที่กล่าวมาแล้ว และนำมาสร้างเครื่องมือที่ใช้ศึกษาตัวตนของแบรนด์ซึ่งอยู่ในใจผู้บริโภคที่เรียกว่า Y&Rchetypes โดยมีรายละเอียดดังนี้ครับ

ตัวตนของแบรนด์ต่างๆ 13 ประเภทตามแนวคิดของ Y&Rchetypes

1. แบรนด์ประเภทวีรบุรุษ (Hero)
ตามตำนานสากลแล้ววีรบุรุษหรือวีรสตรีคือ ผู้รับบทนำในเรื่องราวต่างๆไม่ว่าจะเป็น เฮอรคิวลิสที่สังหารงูยักษ์ 9 หัวไฮดร้าในเทพนิยายกรีก นิวอาร์มสตรองผู้พิชิตดวงจันทร์ในยุคปัจจุบัน หรือแม้แต่องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชในประวัติศาสตร์ไทย จะเห็นได้ว่าความหมายของวีรบุรุษในเรื่องราวสากลนั้นคือ ผู้ที่มีความเชื่ออันแรงกล้า (Belief) และยึดมั่นในอุดมการณ์ มีวิสัยทัศน์ (Vision) ต้องผ่านอุปสรรคและความท้าทายต่างๆมากมายจนสำเร็จ (Immortality) ก่อนจะได้มาซึ่งวีรกรรมแห่งชัยชนะ
แบรนด์ที่จะถูกมองว่าเป็นวีรบุรุษได้นั้น จะต้องเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต่างก็ยอมรับว่าเป็นผู้นำในท้องตลาด มีเกียรติประวัติที่ดีในตลาดมานานดั่งเรื่องราวการเดินทางของวีรบุรุษ มีบุคลิกลักษณะที่โดดเด่นเป็นสง่า (Distinctive) มีไหวพริบปัญญา (Intelligent) และความมีศักด์ศรีกับคุณธรรม (Noble) แบรนด์ที่เป็นวีรบุรุษนั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของจิตวิญญาณ (Spirit)

จากผลการวิจัยของ YR BAV พบว่า Nokia คือแบรนด์ที่เป็นวีรบุรุษในสายตาของคนทั่วโลก โดย Nokia เริ่มต้นมาจากผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือรายเล็กๆของประเทศฟินแลนด์จนกลายเป็นบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ที่สุดของยุโรป ภายใต้วิสัยทัศน์ของผู้นำที่ว่า จะสร้างนวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่งเพื่อเชื่อมโยงมนุษย์เข้าด้วยกัน (Connecting People) ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนถึงความเป็นตัวตนของแบรนด์ที่เป็นวีรบุรุษได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ก็ยังมีแบรนด์ในหมวดสินค้าและบริการอื่นๆอีกมากมายที่ถูกมองว่าเป็นวีรบุรุษอาทิเช่น สำนักข่าว CNN ที่มุ่งมั่นนำเสนอข่าวสาร ความรู้อย่างไม่หยุดยั้ง แม่นยำ เที่ยงตรง ทันเหตุการณ์ตลอด 24 ช.ม. Rolex สุดยอดของนาฬิกาซึ่งเป็นที่สุดแห่งคุณภาพและสุดยอดปรารถนาของคนทั่วโลกมากว่าศตวรรษ หรือจะเป็นแคมเปญโฆษณาของ Apple ที่ได้สะท้อนวิสัยทัศน์ของความเป็นผู้นำ ผ่านทางบุคคลผู้ซึ่งเป็นผู้นำทางความคิดและมีชื่อเสียงระดับโลก ภายใต้แนวคิด “Think Different”

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นวีรบุรุษของ Apple ภายใต้แนวคิด “Think Different”

2. แบรนด์ประเภทเพื่อนสนิท (Companion)
เพื่อนแท้คือสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งในชีวิตของคนเราหลายๆคน เพราะเพื่อนแท้นั้นเราสามารถเล่าปัญหาและปรึกษาทุกอย่างได้ การที่คนเราจะมีเพื่อนสนิทหรือเพื่อนแท้ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องผ่านบททดสอบในการใช้ชีวิตมากมายมาด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นยามที่มีความสุขหรือความทุกข์ร่วมกัน เมื่อเราอยู่กับเพื่อนที่เราสนิทด้วยเราจะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นเป็นกันเอง (Friendly) ทำให้เกิดความผ่อนคลาย (Relax) และสบายใจ (Comfort) ผมเชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านคงเคยผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาแล้วและน่าจะเข้าใจความหมายอันเป็นสากลของ Archetype ประเภทเพื่อนสนิทนี้เป็นอย่างดี
แบรนด์ที่จะถูกมองว่าเป็นเพื่อนสนิทได้นั้น จะต้องมีลักษณะของความเป็นมิตร (Friendship) ชอบผูกสัมพันธ์ (Sociability) และให้ความช่วยเหลือสนับสนุน (Help & Support) แบรนด์ประเภทเพื่อนสนิทนี้สืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของอารมณ์ (Emotion)
จากผลการวิจัยของ YR BAV ทั่วโลกพบว่า แบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบริการส่วนใหญ่อาทิเช่น โรงแรม สายการบิน ร้านอาหารฯลฯ มักจะใช้ความเป็นเพื่อนสนิทนี้เป็นจุดขายที่สร้างความเชื่อมั่นและไว้เนื้อเชื้อใจในกลุ่มผู้บริโภค ตัวอย่างเช่น การบินไทยซึ่งเคยได้รับรางวัลสายการบินที่ให้บริการยอดเยี่ยมของโลก อีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นชัดสำหรับแบรนด์ของประเทศไทยก็คือ เอ็มเคสุกี้ที่นำเสนอภาพลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหารกับครอบครัวอย่างมีความสุข ด้วยอาหารที่สดสะอาดและพนักงานที่เต็มใจให้บริการอย่างสามัคคี ภายใต้จุดขายที่ว่า ช่วงเวลาแห่งความอบอุ่น
ในเชิงกลยุทธ์ของการสื่อสารแล้วความเป็นแบรนด์ประเภทเพื่อนสนิทนี้ จะช่วยสร้างความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจในสินค้าและบริการของแบรนด์ รวมทั้งยังช่วยสร้างความสนิทสนมและสายสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคผ่านทางสายใยแห่งความเชื่อมั่น (Bond of Trust) ได้ดีอีกด้วย

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นเพื่อนสนิทของ การบินไทย

3. แบรนด์ประเภทมารดา (Earth Mother)
แม่หรือมารดา คือผู้ที่ให้กำเนิดชีวิตและอุ้มชูเลี้ยงดูจนเราเติบใหญ่ เป็น Archetype พื้นฐานที่ทุกคนรู้จักเพราะแม่คือประสบการณ์แรกที่ทุกชีวิตได้รู้จัก สัมผัส ดั่งเช่นทารกน้อยแรกเกิดรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและห่วงใยที่แม่มีให้ แม่คือผู้ที่ให้การอุปถัมภ์เลี้ยงดู (Nurturance) เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ (Abundance) ตามธรรมชาติซึ่งแทรกซึมอยู่ในความรู้สึกผูกพันคุ้นเคย (Belonging) แม้ว่าแม่แต่ละคนจะมีบุคลิกลักษณะและวิธีการอบรมเลี้ยงดูลูกที่แตกต่างกัน แต่ทุกคนล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ การมอบคุณค่าที่ดีที่สุดให้กับลูกและครอบครัว ทั้งหมดนี้คือความหมายของแม่ซึ่งเป็นสากลและทุกคนสัมผัสได้
แบรนด์ที่จะถูกมองว่าเป็นมารดาได้นั้น จะต้องมีลักษณะของความทะนุถนอม อ่อนโยน เอาใจใส่ (Nurturing) มีความจริงใจไม่เสแสร้ง (Genuine) และแน่วแน่มั่นคงสม่ำเสมอ (Stable) แบรนด์ที่เป็นมารดานั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของแก่นสาร (Substance) ซึ่งเต็มไปด้วยสาระและความอุดมสมบูรณ์มั่งคั่ง
จากผลการวิจัยของ YR BAV ทั่วโลกพบว่า แบรนด์ที่มีความเป็นมารดามักจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจประเภทอาหารการกินหรือของที่ใช้ในชีวิตประจำวันของครอบคัว ตัวอย่างเช่น เครื่องดื่มมอลต์สกัดรสช็อคโกแล็ตยี่ห้อโอวัลติน(Ovaltine) ที่คุณแม่มักจะชงให้ลูกๆกินก่อนไปโรงเรียนทุกเช้า เพราะนอกจากรสชาติที่เด็กๆชื่นชอบแล้วยังเปี่ยมไปคุณค่าของมอลต์และวิตามินเกลือแร่ต่างๆมากมาย ทำให้คุณแม่มั่นใจว่าลูกจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วน ในการเล่าเรื่องราวของแบรนด์โอวัลตินในโฆษณาก็มักจะสะท้อนสายใยความผูกพันระหว่างน้องพลับและคุณแม่ หรือความอบอุ่นในครอบครัวของคุณรวิชญ์ให้ผู้บริโภคเห็นอยู่เสมอ

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นมารดาของ Ovaltine

4. แบรนด์ประเภทผู้สร้างความประหลาดใจ (Jester)
ตามรากศัพท์แล้ว Jester คือ ตัวตลกหลวง ผู้มีหน้าที่สร้างความบันเทิงให้กับพระราชาและขุนนางในราชสำนัก โดยสามารถหลอกคนดูให้เพลิดเพลินด้วยมุขตลกและกลเม็ดที่สร้างความประหลาดใจใหม่ๆ ชนิดที่ไม่มีใครคาดเดาได้ สำหรับความหมายที่แท้จริงของ Archetype Jester ในเรื่องราวสากลนั้นคือ ผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์แปลกๆใหม่ๆ (Creative) เป็นคนที่รักความสนุกสนาน (Fun) ขี้เล่นและเจ้าเล่ห์แสนกล ชนิดจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ชอบทำในสิ่งที่คนคาดไม่ถึงและการหลอกให้เข้าใจผิด (Misunderstood) ตัวอย่างเช่น มิสเตอร์บีนในภาพยนตร์ นักแสดงตลกในโลกแห่งความเป็นจริงอย่าง จิม แครี่ หรือผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์อย่างดีไซน์เนอร์ชั้นนำเช่น Jean Paul Gaultier ซึ่งนำเสนอเสื้อผ้าในสไตล์ที่สุดโต่งเกินคาดเดา
แบรนด์ประเภท Archetype Jester นี้สืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของพลังงาน (Energy) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีบุคลิกลักษณะตรงข้ามกับกลุ่มของแก่นสาร (Substance) ซึ่งเต็มไปด้วยสาระและความอุดมสมบูรณ์มั่งคั่งอย่างสิ้นเชิง แบรนด์ที่จะถูกมองว่าเป็นผู้สร้างความประหลาดใจได้นั้น จะต้องแสดงออกถึงความสนุกสนาน (Fun) มีการคิดริเริ่มสิ่งใหม่ๆ (Original) ไม่ชอบเคารพกฏเกณฑ์และเป็นนักแหกคอกตัวยง (Irrelevant) ด้วยเหตุนี้ Archetype Jester จึงเป็นการสร้างตำแหน่งสินค้า (Brand Positioning) ที่ท้าทายความซ้ำซากจำเจจากสิ่งที่นำเสนอแบบเดิมๆ มาสู่วิธีการนำเสนอที่สร้างสรรค์ใหม่ๆซึ่งสนุกสนาน ทำให้แบรนด์สามารถเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น เบียร์ไฮเนเก้น (Heineken) ซึ่งแม้จะเข้ามาในตลาดไทยตามหลังคู่แข่ง แต่ด้วยวิธีการโฆษณาที่แตกต่างซึ่งนำเอาเรื่องราวในชีวิตประจำวันของกลุ่มเป้าหมายมาหักมุมด้วยมุกตลกขำๆ ทำให้แบรนด์ไฮเนเก้น (Heineken) เป็นที่จดจำและสนใจของผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว อีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดในประเทศไทยก็คือแบรนด์แฮปปี้ (HAPPY) ระบบโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินของค่ายดีแทค ซึ่งได้ฉีกตัวเองออกจากแบรนด์ของคู่แข่ง ด้วยจุดขายเรื่องความเป็นระบบโทรศัพท์ที่ใช้ง่ายเหมาะสำหรับทุกๆคนและภาพลักษณ์ที่สบายๆ สนุกสนานแฝงด้วยอารมณ์ขันให้อมยิ้ม

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นผู้สร้างความประหลาดใจของ Heineken

ตัวอย่าชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นผู้สร้างความประหลาดใจของ Happy

แม้ว่าการใช้ Archetype Jester นี้จะใช้ความสนุกสนานและอารมณ์ขันมาทำให้ผู้บริโภคจดจำได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็อาจมีพลังต่อผู้บริโภคเพียงชั่วคราว เพราะถ้าหลังจากผู้บริโภคพิจารณาแล้วไม่มีอะไรที่เป็นสาระน่าสนใจก็จะกลายเป็นความสนุกสนานเพียงข้ามคืน แล้วก็จะค่อยๆสลายไปเพราะไม่มีเนื้อหาสาระอะไรให้เก็บไว้ในความทรงจำ ดังนั้นเราจึงควรสอดแทรกเนื้อหาสาระบางอย่างที่เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่จะโฆษณาลงไปในความสนุกสนานที่จะนำเสนอด้วย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการสื่อสาร

5. แบรนด์ประเภทนักปราชญ์ (Sage)
นักปราชญ์คือผู้ที่เปี่ยมไปด้วยสติปัญญาและความคิดอันลึกซึ้ง ใช้ความรอบรู้เป็นเครื่องนำทางชีวิต ใช้ประสบการณ์มาเป็นบทเรียน เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับนักถือจากคนส่วนใหญ่ เนื่องจากมีความปราดเปรื่อง ฉลาดเฉลียว ตัวอย่างเช่น ขงเบ้ง อัลเบิร์ต ไอสไตน์ เป็นต้น ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความหมายของ นักปราชญ์ในเรื่องราวสากลนั้นคือ ผู้ที่มีปัญญาอันรอบรู้ (Spiritual) เป็นสัญลักษณ์แห่งปัญญา (Wisdom) และความฉลาดรอบรู้ (Wise)
แบรนด์ที่จะถูกมองว่าเป็นนักปราชญ์ได้นั้น จะต้องมีภาพลักษณ์ของผู้ที่สุขุมรอบคอบ (Wise) มีความรู้ที่ลึกซึ้ง (Profound) และรักสันโดษ (Asceticism) ทั้งนี้เพราะแบรนด์ที่เป็นนักปราชญ์นั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของความคิด (Thought) ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ทีตรงข้ามกับบุคลิกลักษณะแบรนด์ประเภทผู้สร้างความประหลาดใจ (Jester) อย่างสิ้นเชิงเช่นกัน
จากผลการวิจัยของ YR BAV พบว่า Microsft คือแบรนด์ที่เป็นนักปราชญ์ในสายตาของคนทั่วโลก ด้วยความฉลาดล้ำในการคิดค้นและพัฒนาการระบบปฏิบัติคอมพิวเตอร์ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและใช้งานง่ายสำหรับคนทั่วโลกอาทิเช่น Microsoft Window & Office รวมทั้งภาพลักษณ์ที่นำเสนอความเป็นมืออาชีพที่สุขุมและรอบรู้ซึ่งสามารถสังเกตได้จากชิ้นงานโฆษณาภาพลักษณ์ของบริษัท นอกจากนี้ก็ยังมีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางบำรุงผิวหน้าที่เน้นเรื่องความสวยงาม แต่เนื่องจากกระแสการดูแลสุขภาพในปัจจุบัน ทำให้หลายแบรนด์หันมาสร้างภาพลักษณ์ความเป็นผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือมากขึ้น ด้วยการอ้างถึงผลพิสูจน์ทางการแพทย์หรือหาสถาบันวิจัยมาสนับสนุน บางยี่ห้อถึงขนาดวางตำแหน่งตัวเองเป็นเครื่องสำอางที่แพทย์รับรองอย่างเช่น Eucerin เป็นต้น นอกจากความเป็นนักปราชญ์จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์เป็นอย่างดีแล้วก็ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำได้ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มประเภทแอลกฮอล์ระดับพรีเมี่ยมซึ่งเป็นเจ้าตลาดอย่าง ก็นำเสนอภาพลักษณ์ที่สะท้อนความเป็นนักปราชญ์ผู้ลึกซึ้งในความคิดและสะท้อนความเป็นผู้นำได้เป็นอย่างดี

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นนักปราชญ์ของ Johnnie Walker

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นนักปราชญ์ของ Eucerin

6. แบรนด์ประเภทนักมายากล (Magician)
นักมายากลหรือผู้มีศิลปะแห่งอำนาจวิเศษเหมือนมีเวทมนตร์อันอัศจรรย์ เป็นตัวแทนของพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง (Power of Change) อย่างการเปลี่ยนแปลงรูป การเปลี่ยนสภาพและการเปลี่ยนแปลงตัวเองตัวอย่างเช่น พ่อมดในตำนานผู้มีเวทมนตร์สามารถหายตัวไปไหนมาไหนได้อย่างรวดเร็ว ซุปเปอร์แมนในภาพยนตร์ที่เปลี่ยนตัวเองจากหนุ่มนักข่าวผู้แสนซื่อไปสู่วีรบุรุษผู้พิทักษ์โลก หรือแม้แต่นักร้องสาวซุปเปอร์สตาร์อย่างมาดอนน่าที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ตัวเองทุกครั้งที่ออกอัลบั้มเพลงใหม่ๆ เป็นที่น่าสังเกตว่าการเปลี่ยนแปลงนี้มักจะแปรไปสู่สิ่งที่ดีกว่า (Positive Aspect of Change) และเป็นการเกิดใหม่ (Rebirth) ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความหมายของนักมายากลในเรื่องราวสากลนั้นคือ การเปลี่ยนแปลง (Transformation) การให้อำนาจ (Empowerment) และความปิติยินดี (Delight)
เนื่องจากแบรนด์ที่เป็นนักมายากลนั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของความคิด (Thought) และกลุ่มของพลังงาน (Energy) จึงเป็นแบรนด์ที่มีบุคลิกลักษณะของผู้ที่ฉลาดเฉลียว (Clever) มีพรสวรรค์ (Gifted) ซึ่งดูลึกลับชวนให้ค้นหา (Mysterious)
จากผลการวิจัยของ YR BAV ทั่วโลกพบว่า Smirnoff ผู้นำแห่งเหล้าวอดก้านั้นถูกมองเป็นแบรนด์ประเภทนักมายากลเพราะในการโฆษณามักจะพยายามสื่อถึงอำนาจพิเศษของ Smirnoff ที่ก่อให้เกิดภาพลวงตาที่เปลี่ยนแปลงความรู้สึกได้อย่างประหลาด อย่างไรก็ตามการจะใช้ Archetype Magician เป็นกลวิธีในการโฆษณานั้นควรจะมีเหตุผลประกอบที่ดูน่าเชื่อถือ เพื่อสนับสนุนผลแห่งการเปลี่ยนแปลงที่สัญญาไว้หลังจากการใช้สินค้าหรือบริการ และถ้าจะให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้ Archetype Magician นี้มากขึ้น ก็ควรมีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจน จับต้องได้ ไม่คลุมเครือและเห็นผลที่รวดเร็วเหมือนใช้เวทย์มนตร์

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นนักมายากลของ Smirnoff

7. แบรนด์ประเภทผู้พิทักษ์ (Guardian)
การปกป้อง คุ้มครอง พิทักษ์หรืออารักขาคือเรื่องราวของ Archetype ประเภทนี้ ตัวอย่างเช่น แฮกริดคุณครูที่คอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำแก่แฮรี่พอตเตอร์ในภาพยนตร์ เหล่าอัศวินโต๊ะกลมผู้พิทักษ์ของกษัตริย์อาเธอร์ หรือตำรวจที่คอยพิทักษ์ความสงบสุขให้กับบ้านเมืองของเรา ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความหมายของผู้พิทักษ์ ในเรื่องราวสากลนั้นคือ การปกป้องคุ้มครอง (Protection) เป็นที่ปรึกษา (Mentoring) และมีระเบียบวินัย (Discipline)
เนื่องจากแบรนด์ที่เป็นผู้พิทักษ์นั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของความคิด (Thought) และกลุ่มของแก่นสาร (Substance) จึงเป็นแบรนด์ที่มีบุคลิกลักษณะของผู้ที่รอบคอบ (Organized) มีระบบระเบียบแบบแผน (Systematic) มีการบริหารควบคุมที่ดี (Controlled) ผู้พิทักษ์นั้นมักจะทำตัวเป็นพลังเงียบที่คอยเกื้อหนุนหรือคอยดูแลคุ้มครองอยู่เบื้องหลังเหมือนปิดทองหลังพระ ไม่โฉ่งฉ่าง ก้าวร้าว มีความสงบนิ่งสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองและสถานการณ์ต่างๆได้เป็นอย่างดี
จากผลการวิจัยของ YR BAV พบว่า Shell คือแบรนด์ที่เป็นผู้พิทักษ์ในสายตาของคนทั่วโลกเพราะ Shell ไม่เพียงแต่พัฒนาน้ำมันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพรถและดูแลรักษาเครื่องยนต์แล้ว แต่จัดตั้งโครงการและช่วยรณรงค์ให้คนหันมารักษาชีวิตสัตว์และสภาพแวดล้อมของโลกด้วย สำหรับในประเทศไทยแล้วผลิตภัณฑ์ประเภทวัสดุที่ช่วยในการก้อสร้างอย่างเช่น ปูนซีเมนต์หรือแม้แต่สีทาบ้านหลายยี่ห้อ ก็พยายามสื่อสารความเป็นแบรนด์ผู้พิทักษ์ให้เกิดขึ้นในใจผู้บริโภคด้วยเช่นกัน

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นผู้พิทักษ์ของ Shell และสี TOA

ในเชิงกลยุทธ์ของการสื่อสารแล้ว Archetype ประเภทผู้พิทักษ์นี้จะช่วยเรียกร้องความสนใจของผู้บริโภคให้หันมาตระหนักถึงความสำคัญของสินค้าและแบรนด์ที่ใช้อยู่ได้เป็นอย่างดี จากเดิมที่อาจจะถูกมองว่ามีความสำคัญไม่มากนัก การใช้Archetype ประเภทผู้พิทักษ์นี้จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นหากแสดงออกมาในแง่ของความมุ่งมั่นในการดูแลคุ้มครองผู้บริโภค แต่ก็ต้องไม่ดูเถรตรงและขาดสีสันที่น่าสนใจในการนำเสนอ Archetype ประเภทผู้พิทักษ์นี้เหมาะอย่างยิ่งกับสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องดูแล รวมทั้งการคุ้มครองโลกใบนี้ให้ปลอดภัยและน่าอยู่

8. แบรนด์ประเภทผู้บริสุทธิ์ (Maiden)
ผู้บริสุทธิ์หรือบางครั้งก็คือนางเอกผู้อ่อนโยนและใสซื่อ บทบาทของ Archetype ประเภทนี้มักจะปรากฏเสมอๆในเรื่องราวต่างๆ ตัวอย่างเช่น สโนไวท์ผู้อ่อนโยนและใสซื่อในนิทาน แม่ชีเทริซ่าผู้อุทิศทั้งชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้จนกลายเป็นที่รักและจดจำของคนทั้งโลก ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความหมายของผู้บริสุทธิ์ในเรื่องราวสากลนั้นคือ ความบริสุทธิ์ (Purity) ใสซื่อไร้มารยา (Innocence) และยอมเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น (Selfless Service)
เนื่องจากแบรนด์ที่เป็นผู้บริสุทธิ์นั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของแก่นสาร (Substance) และกลุ่มของอารมณ์ (Emotion) จึงเป็นแบรนด์ที่มีบุคลิกลักษณะของผู้ที่มองโลกในแง่ดี (Optimistic) มีความใสซื่อ (Innocent) และบริสุทธิ์อย่างธรรมชาติ (Gifted)
จากผลการวิจัยของ YR BAV พบว่า Johnson & Johnson คือแบรนด์ของผลิตภัณฑ์ดูแลเด็กทารกที่คุณแม่ทั่วโลกวางใจ ด้วยการเน้นจุดขายเรื่องความอ่อนโยนบริสุทธิ์ของผลิตภัณฑ์ น้ำแร่เอเวียง (Evain) ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของแบรนด์ที่ถูกมองว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ในสายตาของคนทั่วโลก

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นผู้บริสุทธิ์ของ Johnson & Johnson

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นผู้บริสุทธิ์ของ Evain

ในเชิงกลยุทธ์ของการสื่อสารแล้ว Archetype ประเภทผู้บริสุทธิ์นี้หากนำมาใช้โฆษณาสินค้าประเภทของกินของใช้ที่เกี่ยวกับร่างกายแล้ว จะสามารถเรียกความไว้วางใจจากผู้บริโภคได้ง่าย แต่ก็มักจะแฝงด้วยพลังเฉื่อยเนื่องจากบทบาทของความเป็นนางเอกที่เอาแต่มองโลกในแง่ดี ใสซื่อดูไม่ทันโลกจนถูกตัวอิจฉากลั่นแกล้งแล้วก็มานั่งร้องไห้ตามแบบฉบับของนิยายน้ำเน่าสมัยก่อน ดังนั้นบทบาทนางเอกผู้บริสุทธิ์ในสมัยนี้จึงถูกเปลี่ยนแปลงให้มีความรู้เท่าทันเหตุการณ์ของโลกมากขึ้นและมีปากมีเสียงกล้าเผชิญหน้ามากขึ้นแต่ยังรักษาไว้ซึ่งเจตนาอันดีบริสุทธิ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้น่าจะนำไปปรับใช้สำหรับสร้างเสน่ห์ให้กับแบรนด์ที่เป็นArchetype ประเภทผู้บริสุทธิ์ในปัจจุบันได้ดี

9. แบรนด์ประเภทผู้น่าหลงใหล (Enchantress)
ผู้น่าหลงใหลหรือบางครั้งก็ถูกเรียกว่า นางฟ้า เป็นผู้ที่มีเสน่ห์เย้ายวนใจ เปี่ยมไปด้วยพลังลึกลึบที่ชวนให้ใครต่อใครต้องหลงใหลและปรารถนาที่จะเป็นเจ้าของ ตัวอย่างเช่น เฮเลนหญิงสาวผู้เลอโฉมที่สุดในโลกจนเป็นฉนวนให้เกิดสงครามอันยิ่งใหญ่ระหว่างกรีกและโรมัน หรือบู๊เช็คเทียนหนึ่งในสี่สาวงามของจีนก็เป็นฉนวนให้เกิดสงครามอันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์จีนเช่นกัน สำหรับผู้น่าหลงใหลในชีวิตจริงยุค 90 นั้นก็คือ มาราลีน มอนโร ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความหมายของผู้น่าหลงใหลในเรื่องราวสากลคือ ความสุข (Pleasure) การกระตุ้นความรู้สึก (Sensuality) และการล่อใจ (Temptation)
เนื่องจากแบรนด์ที่เป็นผู้น่าหลงใหลนั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของอารมณ์ (Emotion) และกลุ่มของ พลังงาน (Energy) จึงเป็นแบรนด์ซึ่งมีบุคลิกลักษณะที่งดงาม (Beautiful) มีเสน่ห์ลึกลับชวนให้ค้นหา (Mysterious) และเย้ายวนใจ (Tempting)
จากผลการวิจัยของ YR BAV ทั่วโลกพบว่า แบรนด์ที่มีความเป็นผู้น่าหลงใหลมักจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจประเภทน้ำหอมเครื่องสำอางอาทิเช่น Dolice & Gabbana, Calvin Klien , AXE เป็นต้น นอกจากแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าประเภทน้ำหอมเครื่องสำอางแล้ว ร้านกาแฟชื่อดังอย่าง Starbuck ก็ถูกมองว่าเป็นผู้ทีมีเสน่ห์เย้ายวนใจเนื่องจากบรรยากาศของกาแฟอันหอมกรุ่นทั่วทั้งร้าน ดังนั้นจะเห็นว่า รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ประสาทสัมผัสทั้ง 5 นี้คือช่องทางสำคัญที่จะใช้เป็นกลยุทธ์ในการทำให้แบรนด์ของเรากลายเป็นที่หลงใหลของกลุ่มเป้าหมายเราได้ง่าย

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นผู้น่าหลงใหลของ AXE

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นผู้น่าหลงใหลของ D&G

10. แบรนด์ประเภทนักรบ (Warrior)
เรื่องราวของนักรบมักจะเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ที่ต้องใช้กำลังเพื่อปราบปรามศัตรูหรือแข่งขันให้ได้มาซึ่งชัยชนะตัวอย่างเช่น อคิลิสผู้ต่อสู้กับทรราชในสงครามกรุงทรอย เหล่าบรรดาขุนศึกสปาตัสแห่งกรีกที่มีเพียงแค่ 300 คนแต่ต้องต่อสู้กับกองทัพศัตรูขนาดใหญ่ในภาพยนตร์เรื่อง 300 หรือไกรทองผู้ปราบจระเข้ในวรรณคดีไทย ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความหมายของนักรบในเรื่องราวสากลคือ พละกำลัง (Power) การปราบปรามศัตรูคู่แข่ง (Overthrowing the Tyrant) เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ (Victory)
แบรนด์ที่เป็นนักรบนั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของจิตวิญญาณ (Spirit) และกลุ่มของความคิด (Thought) จึงเป็นแบรนด์ที่เป็นลักษณะหนึ่งของวีรบุรุษประเภทนักรบ ซึ่งมีบุคลิกลักษณะของผู้ที่มีความแข็งแกร่ง (Strong) มีความเชื่อมั่น (Confident) และกล้าหาญ (Courageous)
จากผลการวิจัยของ YR BAV ทั่วโลกพบว่า ยางรถยนต์ยี่ห้อ Pirelli มีลักษณะของแบรนด์ที่เป็นนักรบเนื่องจากในการโฆษณามักจะชูจุดขายที่ว่า เป็นยางรถยนต์ที่มีความทนทานสูงและพร้อมส่งให้รถคุณไปถึงจุดหมายที่ตั้งไว้ ภายใต้ไอเดียที่ว่า “Driving Instinct” หรือบริการขนส่งสินค้าอย่าง Fedex ที่มีความมุ่งมั่นที่จะส่งของที่รับมอบหมายไม่ว่าจะต้องพบอุปสรรคมากมายแค่ไหน สำหรับประเทศไทยแล้วแบรนด์ที่สร้างภาพลักษณ์ความเป็นนักต่อสู้ได้ชัดเจนอย่างมากแบรนด์หนึ่งก็คือ คาราบาวแดง ซึ่งพยายามตอกย้ำความเป็นนักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่ในทุกๆแคมเปญโฆษณาที่นำเสนอ

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นนักรบของ Pirelli

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นนักรบของคาราบาวแดง

ในเชิงกลยุทธ์ของการสื่อสารแล้ว หากเรารู้จักนำเอา Archetype ประเภทนักรบนี้มาใช้กระตุ้นความรู้สึกผู้บริโภคได้โดนใจ โดยการนำเอาลักษณะเด่นมาใช้ได้ถูกต้องก็จะทำให้แบรนด์เกิดพลังในการดึงดูดใจกลุ่มเป้าหมายได้มาก ตัวอย่างเช่น บุหรี่ Malboro ที่นำเสนอภาพลักษณ์ของความเป็นชายชาตรีซึ่งดูเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ ซึ่งสะท้อนสิ่งที่ผู้ชายหลายคนโหยหาอยู่ลึกๆ และทำให้ Malboro กลายเป็นบุหรี่ที่ขายดีอันดับต้นๆของอเมริกา

11. แบรนด์ประเภทนักค้นหา (Explorer)
นักค้นหา, นักสำรวจ, นักเดินทาง, นักผจญภัย, หรือคนรักอิสรภาพ คือคำนิยามที่หลากหลายของ Archetype ประเภทนี้ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางที่ไม่หยุดนิ่งของผู้รักเสรีภาพที่ชอบแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆในโลกกว้าง ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการส่วนตัวรวมทั้งความฝันของเขาได้ ยกตัวอย่างเช่น เรื่องราวของ อินเดียน่าโจนส์ วีรบุรุษนักผจญภัยในภาพยนตร์ ผู้ซึ่งเดินทางไปค้นหาสมบัติยังดินแดนลึกลับเต็มไปด้วยภัยอันตรายมากมาย ส่วนถ้าเป็นนิยายไทยก็คงคล้ายกับเรื่องเพชรพระอุมา หรืออีกตัวอย่างหนึ่งในโลกแห่งความจริงก็คือ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสผู้แล่นเรือเดินทางรอบโลกจนค้นพบทวีปอเมริกาในประวัติศาสตร์ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความหมายของนักค้นหาในเรื่องราวสากลคือ การค้นหาตัวเอง (Self-Discovery) การแสวงหาผจญภัย (Quest) การทดลองเพื่อให้ได้มาซึ่งประสบการณ์ใหม่ๆ (Trial) กล้าเสี่ยงที่จะทำสิ่งที่นอกเหนือขอบเขตจำกัด (Challenge)
แบรนด์ประเภทนักค้นหานั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของจิตวิญญาณ (Spirit) และกลุ่มของพลังงาน (Energy) จึงเป็นแบรนด์ที่เป็นลักษณะหนึ่งของวีรบุรุษประเภทนักค้นหาผจญภัย ซึ่งมีบุคลิกลักษณะของผู้ที่รักความอิสระเสรี เป็นตัวของตัวเอง (Independent) รักการผจญภัย (Adventurous) กล้าเผชิญหน้ากับเรื่องที่ต้องเสี่ยงและท้าทาย (Daring)
จากผลการวิจัยของ YR BAV พบว่า Nike คือแบรนด์ที่เป็นนักค้นหาในสายตาของคนทั่วโลก เนื่องจากมีการพัฒนาสินค้าที่ไม่หยุดยั้งและมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่ได้ยึดติดกับการที่จะขายสินค้า แต่กลับสนับสนุนให้มนุษย์ทุกคนมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้าภายใต้ความคิดที่ว่า “Just do it”
ในเชิงกลยุทธ์ของการสื่อสารแล้ว แบรนด์ที่จะสร้างภาพลักษณ์ของการเป็นนักค้นหา (Explorer) ควรจะเน้นไปที่ความสำเร็จ ในความเป็นนักค้นหา นักทดลอง นักสำรวจ รักการแสวงหาผจญภัย และควรแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่กว้างไกลเพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกที่ดีต่อแบรนด์ ในขณะเดียวกันสินค้าและบริการที่นำเสนอก็ต้องสามารถรองรับความต้องการของผู้บริโภคแบบ Explorer ได้ด้วยตัวอย่างเช่น รถยนต์ Land Rover ที่ชูจุดขายภายใต้ความคิดที่ว่า “Approve by the Wild” เป็นต้น

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นนักค้นหาของ Nike

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นนักค้นหาของ Land Rover

12. แบรนด์ประเภทนักปกครอง (Patriach)
นักปกครอง นักบริหาร หรือกษัตริย์ คือคำนิยามที่หลากหลายของ Archetype ประเภทนี้ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของนักปกครองผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจแห่งความเป็นผู้นำ มีความมั่นคงมั่งคั่ง คอยควบคุมดูแลความสงบสุขและเป็นที่พึ่งของประชาชน จนได้รับความเคารพนับถือ ตัวอย่างเช่น กษัตริย์อาเธอร์ในตำนานอัศวินโต๊ะกลมผู้เป็นที่พึ่งของประชาชนและปกครองให้ประชาชนอยู่อย่างร่มเย็น พระเจ้าอโศกมหาราชของชาวภารตะผู้ซึ่งปกครองประชาชนด้วยทศพิธราชธรรม ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความหมายของนักปกครองในเรื่องราวสากลคือ การมีอำนาจหน้าที่ (Authority) ระเบียบวินัย (Order) และรากฐานที่มั่นคงมั่งคั่ง (Establishment)
แบรนด์ประเภทนักปกครองนั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของจิตวิญญาณ (Spirit) และกลุ่มของแก่นสาร (Substance) จึงเป็นแบรนด์ที่เป็นลักษณะหนึ่งของวีรบุรุษประเภทนักปกครอง ซึ่งมีบุคลิกลักษณะของผู้ที่มีความสง่างาม (Dignified) ตรงไปตรงมา (Straightforward) และเชื่อถือได้ (Authoritative)
จากผลการวิจัยของ YR BAV ทั่วโลกพบว่า บัตรเครดิต American Express เป็นแบรนด์ที่มีลักษณะของนักปกครองด้วยรากฐานการเงินที่มั่นคงและมีมานาน ในขณะที่โฆษณาก็จะนำเสนอเรื่องราวของสิทธิเศษ การได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง หรือบางครั้งก็ใช้ผู้มีชื่อเสียงในสังคมมาสนับสนุนและบอกเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับบัตร American Express ดังเช่นชิ้นงานโฆษณาบัตร American Express ด้านล่างที่ใช้นักเทนนิสผู้ฝีมือฉกาจระดับโลกอย่าง แอนดี้ ร๊อดดิค มานำเสนอ สำหรับประเทศไทยแล้วแบรนด์ที่สะท้อนภาพลักษณ์ของความเป็นนักปกครองหรือนักบริหารที่เด่นชัดก็คือ ปตท. สังเกตได้จากงานโฆษณาภาพลักษณ์ขององค์กรส่วนใหญ่ที่ผ่านมา ซึ่งนำเสนอภาพความเป็นผู้นำที่มีความตั้งใจทุ่มเทที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ภายใต้แนวคิดล่าสุดที่ว่า เราทุ่มเทเพื่อความมั่นคงทางพลังงาน

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นนักปกครองของ American Express

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นนักปกครองของ ปตท.

ในเชิงกลยุทธ์ของการสื่อสารนั้น แม้ว่าแบรนด์ที่จะสร้างภาพลักษณ์ของการเป็นนักปกครองจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้ดี แต่ก็ควรเป็นแบรนด์ที่มีเกียรติประวัติที่ดี มีรากฐานความเป็นมา ไม่ใช่เป็นแบรนด์ที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ และที่สำคัญอย่างยิ่งคือ การรักษาคำมั่นสัญญาที่นำเสนอไว้ในโฆษณา เพราะหากไม่สามารถรักษาคำสัญญาหรือผลลัพธ์ที่จะได้หลังการใช้สินค้าที่โฆษณา ก็จะเป็นการทำลายเกียรติประวัติยาวนานที่ทำมาได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังควรนำเสนอภาพลักษณ์ที่ไม่ให้ดูจริงจังหรือเครียดมากไปนัก เพราะกษัตริย์หรือนักปกครองโดยตำแหน่งแล้วจะอยู่เหนือประชาชนทำให้เกิดช่องว่างและความรู้สึกเหินห่างกับผู้บริโภคได้ง่าย ดังนั้นจึงควรสอดแทรกอารมณ์ของความสบายๆเป็นกันเองเข้าไปด้วย เพื่อให้แบรนด์ดูเป็นกันเองและผู้บริโภคอยากรู้จักมากขึ้น

13. แบรนด์ประเภทนักรัก (Lover)
เรื่องราวของนักรัก คนรัก คู่รักหรือผู้มอบความรักนั้นส่วนใหญ่มักจะเกี่ยวข้องกับบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความซาบซึ้งและโรแมนติกยกตัวอย่างเช่น เรื่องราวความรักอันโรแมนติกของจูเลีย โรเบิรต์ และฮิวจ์ แกร้นท์ในภาพยนตร์เรื่อง Nothing Hill หรือรักปนเศร้าอย่างโรมิโอและจูเลียต เรื่องราวของพยัคฆ์ร้ายผู้เก่งฉกาจในการปราบปรามเหล่าร้ายอย่าง เจมส์ บอนด์ 007 ผู้แพรวพราวไปด้วยเสน่ห์มัดใจหญิง หรือเลดี้ ไดอาน่าเจ้าหญิงผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี อ่อนโยนและดูสูงศักดิ์ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความหมายของนักรักในเรื่องราวสากลคือ ความรักความผูกพันอันซาบซึ้ง (Romance) การช่วยเหลือ (Rescue) และความหรูหราสง่างาม (Glamorous)
แบรนด์ประเภทนักรักนั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของจิตวิญญาณ (Spirit) และกลุ่มของอารมณ์(Emotion) จึงเป็นแบรนด์ที่เป็นลักษณะหนึ่งของวีรบุรุษประเภทนักรัก ซึ่งมีบุคลิกลักษณะของผู้มีความลึกซึ้งสุนทรีย์ ละเมียดละไม อ่อนโยน (Romantic) มีความเนียบโก้หรู (Dashing) เอาใจเก่งและให้เกียรติคน (Chivalrous)
จากผลการวิจัยของ YR BAV ทั่วโลกพบว่า Tiffany & Co.คือแบรนด์ประเภทนักรักเพราะมีภาพลักษณ์และเครื่องประดับที่ดูโก้หรู เพื่อมอบให้คนที่รักหรือให้เป็นรางวัลกับตัวเอง การด์สำหรับอวยพรในเทศกาลต่างๆอย่าง Hallmark ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งเพราะ Hallmark ค้นพบว่าการที่คนมอบการ์ดให้กันนั้นเพื่อต้องการบอกความรู้สึกพิเศษๆที่มีต่ออีกฝ่ายให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อให้เขารู้ว่า “คุณพิเศษสำหรับฉันมากแค่ไหน” สำหรับแบรนด์ประเภทนักรักที่โดดเด่นในความคิดคนไทยก็คือ Coffee-mate ซึ่งพยายามตอกย้ำเรื่องราวความรักระหว่างชายหญิงเปรียบดั่งกาแฟก็ต้องคู่กับคอฟฟี่เมต
ในเชิงกลยุทธ์ของการสื่อสารแล้ว Archetype ประเภทนักรักนี้จะใช้สร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์ที่ขายสินค้าราคาระดับกลางไปจนถึงแพง ดูแตกต่างจากแบรนด์ที่ขายราคาระดับกลางถึงต่ำทั่วๆไปได้ด้วยรสนิยมที่ดี แบรนด์ที่จะสร้างภาพลักษณ์ของการเป็นคู่รักนั้น (Lover) ควรจะเน้นเรื่องการให้คนมีความรักความสัมพันธ์อันแนบแน่ ช่วยให้คนรู้สึกพิเศษด้วยความรักและการดูแล ตัวอย่างเช่น เรื่องราวความรักและการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันของมาร์คกับแพท สุธาสินี พุทธินันท์ ในโฆษณาของแบรนด์รังนก เป็นต้น

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นคู่รักของ แบรนด์รังนกแท้

จากการศึกษาตัวตนของแบรนด์ทั้ง 13 ประเภทผ่านทางเรื่องราวและบทบาทของตัวละครต่างๆที่กล่าวมาแล้วนั้น จะช่วยให้เราเข้าใจความหมายของแบรนด์ที่ซ่อนอยู่ในใจผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น สามารถนำลักษณะดังกล่าวมาทำการวิเคราะห์เปรียบเทียบกับแบรนด์คู่แข่ง เพื่อที่จะได้ทราบถึงจุดแข็งจุดอ่อนในแบรนด์ของเรา และนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้สร้างตำแหน่งใหม่ของแบรนด์ในใจผู้บริโภค (Brand Positioning) ให้มีความแตกต่างจากคู่แข่งและโดนใจมากขึ้นในใจผู้บริโภคได้ Y&Rchetypes ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญของ Y&R และมีความแตกต่างจากเครื่องมือการวางกลยุทธ์ทั่วๆไป เพราะช่วยเราจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆได้เป็นอย่างดี (เรียกได้ว่าเป็น Creative Tool) ทำให้ Y&R เราสามารถสร้างตำแหน่งของแบรนด์ (Brand Positioning) ที่มีความแข็งแรงในใจกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Categories: Seminar & Workshop Schedule | Tags: , , | No Comments

งานเสวนา Marketing 3.0 โดย กรุงเทพธุรกิจ

May 6th, 2011

เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่าน หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และ บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ได้จัดงานสัมมนาเวทีเสวนาในหัวข้อเรื่อง Sustainable Marketing – Marketing 3.0 หรือ การตลาดยุคใหม่ที่สร้างสรรค์ความเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน

เสวนาครั้งนี้ได้ระดมความเห็นจากวิทยากรชั้นแนวหน้าในแวดวงการตลาด ทั้งผู้บริหารจากองค์กรธุรกิจชั้นนำ นักการตลาด และนักวิชาการ เพื่อกระตุ้นให้ภาคธุรกิจเห็นความสำคัญของการสร้างสมดุลในธุรกิจ ผู้บริโภค และสังคม

คุณสรณ์ จงศรีจันทร์ ได้เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมเสวนาในครั้งนี้ด้วยคะ

ต้องขอขอบคุณงานเสวนาดีๆที่ให้ข้อมูล ความรู้และแง่คิดต่างๆในการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน และอย่าลืมนะคะว่า ธุรกิจไม่เคยหยุดนิ่ง ถ้าท่านหยุดเมื่อไหร่นั่นคือหายนะของธุรกิจคะ

พยายามต่อไปนะคะ แบรนด์เอนี่ติงจะยืนหยัดคอยให้ความรู้และข้อมูลดีๆแก่ท่านต่อไปคะ ^^

Categories: Gallery Anything, Uncategorized | Tags: | No Comments

ของจริง ของปลอม

April 28th, 2011

ถ้าจะพูดถึงแหล่งสินค้าลอกเลียนแบบที่ใหญ่ที่สุดประเทศหนึ่งในโลก คงไม่มีใครจะปฏิเสธว่าประเทศจีนได้ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านการผลิตสินค้าลอกเลียนแบบเกือบทุกประเภท

ใครจะเคยคิดว่าไข่ไก่ก็สามารถถูกปลอมขึ้นมาได้ และคงจะไม่ต้องกล่าวถึงภาพยนตร์ในรูปแบบ DVD, Memory Card, กระเป๋าของคุณผู้หญิงระดับไฮโซจากฝั่งทวีปยุโรป, เสื้อผ้าแฟชั่นทุกประเภททั้งชายและหญิง เด็กและผู้ใหญ่

แม้กระทั่งแบรนด์ดังของธุรกิจร้านกาแฟจากอเมริกาที่มีต้นตำรับจากเมืองซีแอตเติ้ลอย่าง Starbucks ยังมีผู้ประกอบการในประเทศจีนลอกเลียนแบบ เปิดร้านกาแฟประเภทเดียวกันโดยใช้ชื่อว่า Starsbuck สังเกตให้ดีมีตำแหน่งในการวางตัว S อยู่กันคนละที่

แต่จะมีใครสักกี่คนที่มีความจำหรือความเข้าใจต่อการสะกดของร้านกาแฟดังแบรนด์นี้ได้อย่างลึกซื้ง

ใครที่เคยเดินทางไปประเทศจีนอาจจะมีโอกาสได้เคยเห็นร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นของประเทศจีนที่มีตราสัญลักษณ์เป็นรูปสัตว์ประเภทจระเข้ ที่มีความคล้ายคลึงกับแบรนด์ดังระดับโลกอย่างเช่น Lacoste และ Crocodile

โลโก้ของ Lacoste เป็นรูปจระเข้หันไปทางขวาและมีลิ้นสีแดง

ในขณะที่โลโก้ของ Crocodile เป็นรูปจระเข้ที่หันไปทางซ้ายและมีลิ้นสีเดียวกับตัวจระเข้

ทั้ง 2 แบรนด์เป็นแบรนด์ของจริงที่มีตำนานมายาวนานไม่มีใครลอกเลียนแบบใคร ต่างคนก็ต่างมีกลยุทธ์และกิจกรรมการตลาดที่เข้มข้น แบบมืออาชีพ ที่วางขายอยู่ในหลายประเทศทั่วโลกแบรนด์ทั้ง 2 ไม่ได้แค่ต่อสู้กันในทางการตลาดที่เหน็ดเหนื่อย แต่แบรนด์ทั้ง 2 ยังต้องเจอกับการแข่งขันโดยทางตรงจากแบรนด์ที่ลอกเลียนแบบจากจีนที่มีราคาถูกกว่า

เป็นเรื่องที่น่าอมยิ้ม เมื่อเห็นแบรนด์ที่รู้จักคุ้นเคย แล้วจู่จู่ก็เจอสินค้าประเภทเดียวกันในประเทศจีน ที่มีความคล้ายคลึงกันในเกือบทุกมิติของตัวสินค้า แต่มีการอ่านออกเสียงเรียกแบรนด์ที่เป็นผู้ลอกเลียนแบบแบรนด์ใหญ่ๆให้เพี้ยนออกไป ที่สำคัญอัตลักษณ์ของรูปแบบโลโก้ การใช้สี รูปแบบของหีบห่อ และขนาดก็มีความเหมือนเช่นเดียวกัน

ถ้าผู้บริโภคไม่รู้อิโหน่อิเหน่ รับรองได้ว่าต้องซื้อผิดยี่ห้อในราคาที่ถูกสุดๆเหมือนกับลูกน้องผมคนหนึ่งที่เคยไปเมืองเซินเจิ้นแล้วก็ถูกหลอกให้ซื้อ Memory Card ที่มีรูปแบบเหมือนกับแบรนด์ดังอย่าง SanDisk ในราคาที่ไม่สามารถปฏิเสธได้

แล้วคุณภาพเป็นอย่างไรบ้าง?

คงยังไม่มีคำตอบเพราะยังใช้งานได้ดีจนถึงวันนี้

ทำไมจีนชอบลอกเลียนแบบ?

ผมขอใช้ความเห็นส่วนตัวในมุมมองที่แปลกแตกต่างจากหลายๆนักวิชาการหรือนักการตลาด จะถูกหรือจะผิดต้องขอออกตัวมา ณ ที่นี้

1. จากความยากจนมาเป็นความร่ำรวย
คนจีนเคยลำบากมาก่อนตั้งแต่อดีตอันยาวไกล
คนจีนใช้ชีวิตแบบอยู่ไปวันๆ ถูกกดขี่ข่มเหงจากการปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์
รายได้ต่อหัว ต่อครอบครัว ต่อปี มีอัตราที่ต่ำมากๆ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่ด้อยพัฒนาด้วยกันมีใครเคยคิดไหมว่าถ้าวันหนึ่งเราพอจะมีเงินซื้อสินค้ามาใช้ เราอยากจะซื้อสินค้าที่ไม่มีใครรู้จักหรืออยากจะซื้อสินค้าที่ใครๆก็รู้จักคนที่อยู่ในสถานะที่ยากจน มักต้องการให้สังคมเกิดความยอมรับ นับถือต่อตนเมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ร่ำรวยมีจะกิน ที่ไม่จำเป็นต้องสร้างสถานะทางสังคมให้แก่ตัวเองด้วยวัตถุสิ่งของบนเรือนร่างที่เรามักจะเรียกว่า Social Status เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าคนๆหนึ่งที่มีสถานะทางสังคมที่ยากลำบากกว่า เมื่อมีโอกาสก็อยากจะได้สินค้าแบรนด์เนมในราคาที่ตนสามารถจะเป็นเจ้าของได้

คนในประเทศจีนสามารถซื้อ Rolex รุ่นลอกเลียนแบบเกรด C ได้ในราคาแค่ไม่ถึง 1 พันบาท และ Rolex ในรุ่นลอกเลียนแบบซุปเปอร์เกรด A ที่มีราคา 2 พันกว่าบาท โดยที่คนทั่วไปที่ไม่มีโอกาสมายืนจ้อง ยืนเพ่ง จะไม่สามารถรับรู้ได้ถึงความต่างระหว่างของจริงและของลอกเลียนแบบได้

มีหลายคนเคยถามว่า ทำไมรัฐบาลจีนถึงไม่จริงจังที่จะปราบปรามแหล่งผลิตสินค้าลอกเลียนแบบ

มีผู้ประกอบการเจ้าของสินค้าแบรนด์เนมดังๆทั่วโลกบ่นเป็นเสียงเดียวกันด้วยว่า รัฐบาลจีนมีส่วนช่วยสนับสนุนให้เกิดสินค้าลอกเลียนแบบเหล่านี้จะจริง จะเท็จอย่างไรคงไม่ใช่ประเด็น
แต่ถ้าคุณเป็นพ่อคน แม่คน คุณจะมีความสุขไหมที่ลูกๆ (ประชาชนที่อยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลหนึ่งรัฐบาลใด) ของคุณจะมีโอกาสเงยหน้าอ้าปากอย่างมีความสุข ที่จะได้เป็นเจ้าของสินค้าแบรนด์เนมดังๆในราคาที่ใครๆก็สามารถจะจับจ่ายซื้อมาเป็นเจ้าของได้
ผมลองคิดต่างมุมดู สิ่งที่ประเทศจีนกำลังทำอยู่ได้สร้างปรากฏการณ์แบบของดีทำไมต้องแพง ของดีมีชาติสกุลราคาถูกไม่ได้หรือ

หรือถ้าลองพิจารณาให้ถี่ถ้วน เป็นไปได้ไหมผู้บริโภคในปัจจุบันกำลังถูกคุกคาม ถูกเอารัดเอาเปรียบด้วยราคาที่ไม่เป็นธรรมจากผู้ประกอบการแบรนด์ดังระดับโลกอยู่หรือเปล่า

2. R&D ตกยุคไปแล้ว
Research & Development เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆในการสร้างนวัตกรรมสินค้าแปลกๆใหม่ๆออกสู่ตลาดโลก

งบประมาณ R&D ในแต่ละปีของบริษัทใหญ่ๆมีเม็ดเงินเป็นตัวเลขมากมายมหาศาล บางที่มีมากกว่างบประมาณการตลาดเสียด้วยซ้ำ

แนวคิดของประเทศจีนแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เพราะ R&D เป็นสิ่งที่อาจจะตกยุคไปแล้ว
เดี๋ยวนี้ต้อง C&D – Copy & Development

เอาเป็นว่ามีอะไรดีก็เอามาพัฒนาต่อในภาคการผลิตเลยดีกว่า แทนที่จะไปมัวเสียเวลากับการคิดค้น

แต่สังเกตให้ดี จีนไม่ได้แค่ทำ C&D อย่างที่หลายๆคนเข้าใจ

จีนได้ทำ C, M & D หรือ Copy, Modification & Development ที่ทำให้ของสิ่งหนึ่งดีกว่าที่มันเคยเป็นในราคาที่ใกล้เคียงกับสินค้าที่ขายอยู่ในตลาดหรือสินค้าที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันกับสินค้าที่ขายอยู่ในตลาดแต่ในราคาที่ขายถูกกว่าอย่างเห็นได้ชัด
อย่ามองว่าจีนทำของดีมีคุณภาพไม่เป็น

ผมอยากให้ลองทบทวนถึงมหกรรมกีฬาระดับโลกโอลิมปิคที่จัดขึ้นในกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 8 เดือน 8 ปี 08 หรือเซี่ยงไฮ้ เวิล์ด เอ็กซ์โป ระหว่างเดือน พฤษภาคม ถึงเดือนตุลาคม ปี 2010 และล่าสุดมหกรรมกีฬาเอเชี่ยน เกมส์ ที่เมืองกวางโจว ในเดือน พฤศจิกายนปี 2010 ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสินค้าประเภทไก่กาหรือลอกเลียนแบบใครหรือเปล่า

ปัจจุบันจีนได้กลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ มีเงินคงคลังมากมายมหาศาลที่จะคิดค้นหรือพัฒนาอะไรออกมาเพื่อเขย่าคนทั้งโลกได้ตลอดเวลา ด้วยความพร้อมของทุนทรัพย์ จำนวนประชากรที่มากพอที่จะคัดเอาหัวกะทิออกมาจากจำนวนประชากรมากถึง 1,400 ล้านคน และที่สำคัญทิศทางของผู้นำประเทศและความเป็นหนึ่งเดียวของจีนที่สร้างความสามัคคีกลมเกลียว

เป็นไปได้ไหมว่าการที่จีนได้เคยทำของลอกเลียนแบบออกสู่ตลาดเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นฝึกซ้อมฝีมือของตัวเองว่าอยู่ในระดับขั้นไหน เวลาที่ผ่านพ้นไปได้บอกให้จีนรู้ว่าสิ่งที่ยาก สิ่งที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนจีนก็ได้ทำสิ่งเหล่านั้นได้อย่างสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

แล้วทำไมจีนต้องงมงายอยู่กับการผลิตของที่ถูกและไร้คุณภาพที่คอยลอกเลียนแบบชาวบ้าน สู้เริ่มต้นเดินก้าวที่หนึ่งใหม่ในตลาดโลกที่เปิดกว้างเป็นเสรีมากขึ้นด้วยการผลิตและส่งออกสินค้าระดับซุปเปอร์เกรด A ภายใต้แบรนด์ของตัวเองที่มีตัวตนที่ชัดเจน มีเสน่ห์ที่ล้ำลึกแต่ในราคาที่ใครๆก็เป็นเจ้าของได้ ไม่ดีกว่าหรือ?

Welcome the China Brand!!!

หมายเหตุ การทำธุรกิจจำเป็นต้องเคารพในกฎ กติกา มีศีลธรรมและจรรยาบรรณ การลอกเลียนแบบทำสิ่งใดที่ทำให้อีกฝ่ายต้องเดือดร้อน โดยเฉพาะของสิ่งนั้นที่ได้มีการขึ้นทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง

Categories: Articles Anything | Tags: | No Comments

สัมมนา “คิดแตก คิดต่าง” – Royal Cliff Beach Resort, พัทยา

April 22nd, 2011

เมื่อวันเสาร์ที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา อาจาย์สรณ์ จงศรีจันทร์ได้รับเชิญให้ไปบรรยายเรื่อง “คิดแตก คิดต่าง” ให้กับพนักงานกว่า 1,000 คนของ Royal Cliff Beach Resort พัทยา

Royal Cliff Beach Resort เป็นโรงแรมหรูระดับ 6 ดาว ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นอย่างยิ่งที่พนักงานของทางโรงแรมจำเป็นจะต้องคิดให้แตกต่างเพื่อพัฒนาธุรกิจอาชีพบริการนี้

โดยอาจารย์สรณ์ได้แบ่งการบรรยายออกเป็น 2 ช่วงคือช่วงเช้าและช่วงบ่าย พนักงานที่เข้าฟังช่วงละประมาณกว่า 500 คน ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนพนักงานที่เยอะมากๆ ท่านผู้บริหารได้ยอมเสียสละเวลาเป็นอย่างมาก

ทุกๆองค์กรควรจะปรับเปลี่ยนและเรียนรู้ให้ทันต่อเหตุการณืปัจจุบัน ให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาองค์กรไปด้วยกัน ถ้าเมื่อใดที่องค์กรของท่านหยุด ไม่มีการพัฒนาเมื่อนั้นคือหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมา

” Change is constance” – สรณ์ จงศรีจันทร์

Categories: Seminar & Workshop Schedule | Tags: , | No Comments

งาน ‘คลิป ชวน ช้อป’ workshop

April 5th, 2011

ฝากข่าวสารดีๆ คะ
ขอเชิญผู้ที่สนใจร่วมงาน ‘คลิป ชวน ช้อป’ workshop
อบรมฟรี…ตลอดทั้งวัน

พบ 4 วิทยากร นิ้วกลม สราวุธ เฮงสวัสดิ์,หนุ่มเมืองจันท์,
สรณ์ จงศรีจันทร์, วันฉัตร ผดุงรัตน์
เข้ารับการอบรมฟรีๆ กับกูรู ที่จะมาบอกวิธีการก่อร่างสร้างความคิดให้แตกต่าง
ในการทำงานสร้างสรรค์ สร้างไอเดียสดใหม่

19 เมษายนนี้ ณ TK PARK 9.00– 18.00 น
ร่วมงานฟรี! เพียงโทรสำรองที่นั่ง 02-694-3181

Categories: Seminar & Workshop Schedule | Tags: | No Comments

อะไรที่ไม่เคยเกิด…จะเกิด

April 5th, 2011

วิกฤตอุทกภัยที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคมปีนี้ในหลายจังหวัดเกือบทั่วทุกภาคในประเทศไทย น่าจะเป็นสถานการณ์ที่รุนแรงที่สุดในรอบ 50-60 ปี

มีผู้ประสบอุทกภัยกว่า 6 ล้านคน หลายชุมชนและหลายครัวเรือนในแต่ละจังหวัดตกอยู่ในสภาพที่น่ากลัวและยากลำบากที่สุด มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คน

ในบางตำบลน้ำท่วมถึงหลังคาบ้านชั้นที่ 2 ในขณะที่บางตำบลอาจจะมีน้ำท่วมถึงคอ ไม่ว่าจะมีระดับน้ำท่วมสูงขนาดไหน ประชาชนต่างได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า

เห็นสภาพการกินอยู่ของผู้เดือดร้อนเหล่านี้แล้ว รู้สึกหดหู่ใจและน่าสงสารเป็นอย่างมาก แต่ก็ขอส่งกำลังใจไปให้ อย่าเพิ่งท้อถอยเด็ดขาด เพราะชีวิตเกิดมายังต้องต่อสู้กันอีกต่อไป

ไม่มีใครสามารถกำหนดอนาคตได้

ถ้ารู้ว่าน้ำจะท่วมริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงหน้าฝน ชาวบ้านคงจะไม่ปล่อยให้บ้านของตัวเองตกอยู่ในสภาพที่เตี้ยและต่ำจนน้ำจากแม่น้ำลำคลองสามารถไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของพวกเขาได้

Akio Morita ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท โซนี่ ในประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดตัว Sony Walkman รุ่น TPS – L2 ในวันที่ 1 กรกฎาคม 1979 หรือเมื่อ 31 ปีที่แล้ว ให้กับผู้คลั่งไคล้ในการนำพาความบันเทิงจากเสียงเพลงออกไปนอกบ้านได้

มีใครเคยคิดว่าเครื่องรับวิทยุ FM และ AM พร้อมฟังก์ชั่นเล่นเทปคาสเซ็ทที่มีขนาดใหญ่เทอะทะ สุดท้ายก็ถูกพัฒนาให้กลายเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีขนาดเล็กเท่าฝ่ามือในราคาที่ใครๆก็สามารถจะเป็นเจ้าของได้

จาก Sony Walkman ที่เป็นระบบเล่นเทปคาสเซ็ทก็ถูกกลายพันธุ์มาเป็นระบบเล่นแผ่น CD หรือแผ่น DVD จนสุดท้ายมาเป็นรูปแบบ MP3 หรือ MP4 ที่มีขนาดของเครื่องเล่นที่ยิ่งเล็กลงไปอีกจนแทบจะแยกไม่ออกว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นคืออะไร

ในบางรุ่นมีขนาดเล็กกว่ากลักไม้ขีดไฟด้วยซ้ำ

มีเกิด ก็มีตาย

เราคงไม่สามารถหาซื้อเครื่องเล่น VDO เทปในระบบ VHS ได้อีกต่อไป

เคยคิดไหมว่ามีอะไรต้องหายตายจากโลกนี้ไปด้วยการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำสมัย

Pager, เครื่องเล่นเทปคาสเซ็ท, เครื่องเล่นเทประบบ VHS, โทรทัศน์จอแก้วรูปทรงแบบตู้ปลาที่เคยมีราคาหลายหมื่นบาทในรุ่นจอ 29 นิ้ว แต่ขายกันอยู่เพียงแค่ 3,000 กว่าบาทในวันนี้ และอีกไม่นานก็คงจะไม่ได้เห็นสินค้าทีวีรูปทรงตู้ปลานี้อีกต่อไป

จากจอทีวีหรือคอมพิวเตอร์มอนิเตอร์ที่เคยเป็น LCD ที่นับว่าดีมากแล้ว กลับกลายเป็นอดีตไปในทันทีเมื่อเจอกับเทคโนโลยีของจอที่เป็นระบบ LED ที่มีความคมชัดสูงสุด ประหยัดพลังงานมากกว่าและมีรูปทรงที่เย้ายวนกว่าเช่นกัน

ชีวิตของสินค้าและบริการชั่งมีอายุที่สั้นมาก

การคาดเดาความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนเสมอไป

หลายคนมักจะพูดว่าของใช้ในปัจจุบันมีราคาที่ถูกลงอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับราคาของสินค้าที่มีความใกล้เคียงกันในสมัยก่อน

เพราะผู้ผลิตได้ตั้งใจที่จะไม่ผลิตสินค้ารุ่นหนึ่งรุ่นใดให้มีความคงทนถาวรมากจนเกินไป

เนื่องด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วกว่าของผู้บริโภค

จากคอมพิวเตอร์ Notebook ที่เคยมีราคาแสนกว่าบาทในอดีต แต่ในปัจจุบันมีราคาเพียงแค่ไม่กี่หมื่นบาท เพื่อให้ผู้บริโภคซื้อหาได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญไม่รู้สึกเสียดายที่จะเปลี่ยนเครื่องใหม่อีกเครื่องในอีก 1-2 ปีข้างหน้าด้วย ฟังก์ชั่นต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไปตามความต้องการของผู้บริโภค

ในขณะเดียวกันคอมพิวเตอร์ Notebook ในปัจจุบันก็เจอกับการแข่งขันในทางอ้อมจาก Blackberry, iPhone, หรือ iPad ที่มีฟังก์ชั่นในการทำงานบางอย่างที่สามารถทดแทนคอมพิวเตอร์ Notebook ได้ แต่มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นไปอีก

ถูก-เร็ว-ดี

ผู้ประกอบการมักจะบอกว่าผู้บริโภคสามารถเลือกคำได้แค่ 2 คำจาก 3 คำนี้ ถูก-เร็ว-ดี

ถ้าถูกและเร็วจะไม่ดี

ถ้าดีและถูกจะไม่เร็ว

ถ้าดีและเร็วก็จะไม่ถูก

แต่ทราบไหมครับว่ามีหลายธุรกิจในปัจจุบันกำลังจะลบล้างคำพูดและความเชื่อเหล่านี้ ที่ผู้บริโภคสามารถเลือกได้เพียงแค่ 2 คำจาก 3 คำที่ให้ไว้

ทั้งถูก ทั้งเร็ว และทั้งดี

การให้บริการระบบ Internet จากผู้ประกอบการหลายค่ายทำให้ชีวิตของผู้บริโภคมีความสะดวกสบายมากขึ้น ผู้บริโภคทุกคนต่างต้องการความรวดเร็วจากสินค้าและบริการตัวนี้ รวมถึงความน่าเชื่อถือและบริการหลังการขายจากแต่ละผู้ประกอบการเช่นเดียวกัน

ค่าบริการรายเดือนมีราคาที่คุ้มสุดคุ้ม เพียงแค่ไม่กี่ร้อยบาทต่อเดือนคุณก็จะได้รับความเร็วหลายเมกะไบต์มาใช้กันอย่างสนุกสนาน

ค่าบริการรายเดือนของ True Online Hi-Speed Internet มีค่าบริการรายเดือนเพียงแค่ 2,299 บาทต่อความเร็วสูงสุดถึง 16 Mbps

การบริการติดตั้งสามารถจะแล้วเสร็จภายในเวลา 48 ชั่วโมง หลังจากที่ผู้บริโภคได้จ่ายเงินและจัดเตรียมเอกสารที่จำเป็นให้ต่อเจ้าหน้าที่

ไม่เพียงแค่บริการติดตั้งระบบ Internet ที่รวดเร็วทันใจ แต่เจ้าหน้าที่ที่มาทำการติดตั้งต่างก็มีความมุ่งมั่น ความเพียรพยายามและการบริการด้วยรอยยิ้มที่สร้างความประหลาดใจต่อผู้บริโภคและคิดอยู่เสมอว่าผู้บริโภคคือผู้ที่มีพระคุณต่อผู้ประกอบการรายนั้นๆ

ความดีมีประสิทธิภาพของระบบ Internet ที่ถูกติดตั้งไว้ให้แก่ผู้บริโภครายนั้นๆ ก็ได้สร้างความพึงพอใจไม่แพ้ราคาและความรวดเร็วจากบริการเช่นกัน

ระบบความเร็วและความแรงของ Internet จากบางแบรนด์ยังถูกอัพเกรดให้มีประสิทธิภาพขึ้นไปอีก โดยผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องเสียเงินเพิ่มอีกเลย มีแต่จะถูกลง

คุณเคยสังเกตไหมว่าสินค้าในปัจจุบันมีการท้าทายผู้บริโภคในด้าน “ความดีมีประสิทธิภาพ” จากสินค้าในแต่ละประเภทอุตสาหกรรมอย่างไร?

ตัวอย่างที่ดีในอดีตคือการส่งพิซซ่ามาถึงบ้านด้วยเวลาไม่เกิน 30 นาที ถ้าเกินกว่านี้พิซซ่าชิ้นนั้นรับฟรีไปเลย

การสั่งซื้ออาหารในร้าน Fast Food บางแบรนด์ถึงขนาดท้าให้กดนาฬิกาที่ถูกวางไว้หน้าเคาน์เตอร์ว่า ถ้าได้รับอาหารที่สั่งเกิน 1 นาที ผู้บริโภคก็จะได้รับคูปองเพื่อนำไปแลกเครื่องดื่มฟรี 1 แก้วเป็นการทดแทน

สินค้าประเภทครีมนวดผมบางแบรนด์ถึงขนาดท้าทายให้เอามาคืน ถ้าไม่พึงพอใจ ไม่ใช่แค่ 1 เท่าของราคาสินค้า แต่จะคืนเงินให้ถึง 10 เท่าของราคาสินค้าตัวนั้น

ความดีงาม ความเร็ว ความถูก (คุ้มเงิน คุ้มราคา) ของสินค้า ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้แบรนด์ของตัวเองแตกต่างจากคู่แข่ง ผู้บริโภคไม่ชอบถูกบังคับให้เลือก 2 ใน 3 อีกต่อไป ถ้าผู้บริโภคเลือกได้พวกเขาก็จะบอกว่าขอเลือก 3 ใน 3 และขอแถมอีก 1 ได้ไหม?

Categories: Articles Anything | Tags: | No Comments

ภาพการเปิดโรงเตรียมบัณฑิตพิชชาลัย อ.หาดใหญ่

April 1st, 2011

เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่าน ผู้บริหารมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ทำการเปิดโรงเรียนสายสามัญ (มัธยม) ขึ้นใน อ.เมืองหาดใหญ๋

นับว่าเป็นโรงเรียนมัธยมที่ดีเยี่ยมแห่งหนึ่งของประเทศเลยทีเดียว ผู้บริหารได้ใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตร อาจารย์ สถานที่ อุปกรณื และเครื่องแบบนักเรียน ที่ดูทันสมัยทัดเทียมโรงเรียนในกรุงเทพฯได้เลย

โดยการเปิดโรงเรียนครั้งนี้ ทางผู้บริหารได้กราบนิมนต์เชิญท่านพระอาจารย์ ว. วชิรเมธี มาเป็นเกียรติในงานพิธีเปิด และยังได้เรียนเชิญให้ท่านพระอาจารย์เป็นที่ปรึกษาให้กับทางโรงเรียนอีกด้วย

นอกจากนี้ อาจารย์สรณ์ จงศรีจันทร์ ก็ได้รับเกรียติให้เเป็นที่ปรึกษาให้กับทางโรงเรียนเตรียมบัณฑิตเช่นเดียวกัน

อาจารย์ได้มีการเสวนา ให้ข้อคิดและมุมมองดีๆกับผู้ร่วมงานพิธีเปิดครั้งนี้ด้วยคะ

การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ มาร่วมกันพัฒนาการศึกษาให้กับเด็กๆซึ่งเป็นอนาคตของชาติกันเถอะนะคะ ^^

Categories: Gallery Anything | Tags: | No Comments