Y&Rchetypes (Archetype) – 13 ตัวตนของแบรนด์

June 2nd, 2011

Y&Rchetypes (Archetype) เป็นเครื่องมืออีกตัวหนึ่งที่บริษัท Y&R สร้างขึ้นมาเพื่อศึกษาความหมายของแบรนด์ (Brand Meaning) ที่ซ่อนอยู่ในความคิดความรู้สึกของผู้บริโภค ซึ่งนักสร้างแบรนด์หลายท่านเรียกสิ่งนี้ว่า Brand DNA นอกจากนี้แล้ว Y&Rchetypes ยังใช้จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆในการวางตำแหน่งของแบรนด์ (Brand Positioning) ให้โดนใจผู้บริโภคได้อีกด้วย โดยการใช้ลักษณะของตัวละครจากตำนาน เทพนิยาย หรือวรรณคดีต่างๆที่เป็นสากลมาใช้ในการศึกษาและวางแผน

ท่านผู้อ่านเคยสังเกตไหมครับว่า เรื่องราวที่พบได้เสมอในละคร ตำนาน เทพนิยาย หรือวรรณคดีต่างๆไม่ว่าจะเป็นของชาติไหนวัฒนธรรมใด ต่างก็มีเรื่องราวและบทบาทของตัวละครที่ส่วนใหญ่ใกล้เคียงกัน ซึ่งต่อมาได้มีนักจิตวิทยาชื่อดังชาวสวิสนามว่า Carl Gustav Jung ได้ทำการศึกษาเรื่องอิทธิพลของผลรวมแห่งจิตใต้สำนึกของมนุษย์ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรม (Collective Unconscious) โดยศึกษาจากความคิดฝันของมนุษย์ในเรื่องราวของตำนาน เทพนิยาย หรือวรรณคดีต่างๆของหลายเชื้อชาติจากหลากหลายวัฒนธรรมแล้วพบว่า ส่วนใหญ่มีเคร้าโครงที่ใกล้เคียงกันนั่นคือ เรื่องราวการเดินทางในชีวิตของพระเอกหรือตัวละครเอก (Hero Journey) ซึ่งลักษณะและบทบาทของตัวละครเอกในแต่ละเชื้อชาติก็จะแตกต่างกันไป โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 บทบาทใหญ่คือ พระเอกนักสู้ (Warrior) พระเอกนักผจญภัย (Explorer) พระเอกนักปกครอง (Patriarch) และพระเอกนักรัก (Lover) อย่างไรก็ตามนอกจากตัวละครเอกแล้วก็มีบทบาทของตัวละครอื่นๆเข้ามาร่วมด้วยเพื่อให้เรื่องราวนี้ดำเนินต่อไปได้ไม่ว่าจะเป็น นางเอกผู้ใสชื่อ (Maiden) สหายที่ร่วมผจญภัย (Companion) ตัวตลก (Jester) นักปราชญ์ (Sage) ฯลฯ จากบทบาทของตัวละครที่หลากหลายแต่กลับคล้ายคลึงกันในนิยายหรือวรรณคดีของแต่ละเชื้อชาติทำให้ Carl Gustav Jung พบว่า บทบาทของตัวละครที่มนุษย์จินตนาการเหล่านี้คือสิ่งที่สะท้อนจิตใต้สำนึกของแต่ละคนให้แสดงบุคลิก พฤติกรรมออกมาในสิ่งที่อยากเป็นและให้คนอื่นมองเห็นอย่างที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว ซึ่ง Carl Gustav Jung เรียกสิ่งนี้ว่า Human Archetype
Y&Rchetypes ถูกพัฒนาขึ้นมาจากแนวคิดเรื่อง Human Archetype นี้ เพื่อใช้ในการศึกษาความหมายของแบรนด์ (Brand Meaning) ที่ซ่อนอยู่ในใจผู้บริโภคผ่านทางลักษณะของตัวละครต่างๆ จากการศึกษาของ Carl Gustav Jung พบว่า Human Archetype นั้นสามารถแบ่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ออกได้เป็น 5 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้
1. กลุ่มจิตวิญญาณ (Spirit) ซึ่งยึดมั่นในอุดมการณ์
2. กลุ่มความคิด (Thought) ซึ่งสุขุมและมีสติปัญญาล้ำลึก
3. กลุ่มพลังงาน (Energy) ซึ่งเต็มไปด้วยพลังในการสร้างสรรค์เปลี่ยนแปลง
4. กลุ่มอารมณ์ (Emotion) ซึ่งเป็นมิตรและใจดีมีเสน่ห์
5. กลุ่มแก่นสาร (Substance) ซึ่งเต็มไปด้วยสาระและความอุดมสมบูรณ์มั่งคั่ง

Y&R ได้นำเอาข้อมูลความรู้จาก BAV มาวิเคราะห์ร่วมกับแนวคิดเรื่อง Human Archetype นี้จนสามารถจัดแบ่งตัวตนของแบรนด์ออกได้เป็น 13 ประเภท ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ย่อยที่สืบเชื้อสายมาจาก 5 เผ่าพันธุ์ที่กล่าวมาแล้ว และนำมาสร้างเครื่องมือที่ใช้ศึกษาตัวตนของแบรนด์ซึ่งอยู่ในใจผู้บริโภคที่เรียกว่า Y&Rchetypes โดยมีรายละเอียดดังนี้ครับ

ตัวตนของแบรนด์ต่างๆ 13 ประเภทตามแนวคิดของ Y&Rchetypes

1. แบรนด์ประเภทวีรบุรุษ (Hero)
ตามตำนานสากลแล้ววีรบุรุษหรือวีรสตรีคือ ผู้รับบทนำในเรื่องราวต่างๆไม่ว่าจะเป็น เฮอรคิวลิสที่สังหารงูยักษ์ 9 หัวไฮดร้าในเทพนิยายกรีก นิวอาร์มสตรองผู้พิชิตดวงจันทร์ในยุคปัจจุบัน หรือแม้แต่องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชในประวัติศาสตร์ไทย จะเห็นได้ว่าความหมายของวีรบุรุษในเรื่องราวสากลนั้นคือ ผู้ที่มีความเชื่ออันแรงกล้า (Belief) และยึดมั่นในอุดมการณ์ มีวิสัยทัศน์ (Vision) ต้องผ่านอุปสรรคและความท้าทายต่างๆมากมายจนสำเร็จ (Immortality) ก่อนจะได้มาซึ่งวีรกรรมแห่งชัยชนะ
แบรนด์ที่จะถูกมองว่าเป็นวีรบุรุษได้นั้น จะต้องเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต่างก็ยอมรับว่าเป็นผู้นำในท้องตลาด มีเกียรติประวัติที่ดีในตลาดมานานดั่งเรื่องราวการเดินทางของวีรบุรุษ มีบุคลิกลักษณะที่โดดเด่นเป็นสง่า (Distinctive) มีไหวพริบปัญญา (Intelligent) และความมีศักด์ศรีกับคุณธรรม (Noble) แบรนด์ที่เป็นวีรบุรุษนั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของจิตวิญญาณ (Spirit)

จากผลการวิจัยของ YR BAV พบว่า Nokia คือแบรนด์ที่เป็นวีรบุรุษในสายตาของคนทั่วโลก โดย Nokia เริ่มต้นมาจากผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือรายเล็กๆของประเทศฟินแลนด์จนกลายเป็นบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ที่สุดของยุโรป ภายใต้วิสัยทัศน์ของผู้นำที่ว่า จะสร้างนวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่งเพื่อเชื่อมโยงมนุษย์เข้าด้วยกัน (Connecting People) ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนถึงความเป็นตัวตนของแบรนด์ที่เป็นวีรบุรุษได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ก็ยังมีแบรนด์ในหมวดสินค้าและบริการอื่นๆอีกมากมายที่ถูกมองว่าเป็นวีรบุรุษอาทิเช่น สำนักข่าว CNN ที่มุ่งมั่นนำเสนอข่าวสาร ความรู้อย่างไม่หยุดยั้ง แม่นยำ เที่ยงตรง ทันเหตุการณ์ตลอด 24 ช.ม. Rolex สุดยอดของนาฬิกาซึ่งเป็นที่สุดแห่งคุณภาพและสุดยอดปรารถนาของคนทั่วโลกมากว่าศตวรรษ หรือจะเป็นแคมเปญโฆษณาของ Apple ที่ได้สะท้อนวิสัยทัศน์ของความเป็นผู้นำ ผ่านทางบุคคลผู้ซึ่งเป็นผู้นำทางความคิดและมีชื่อเสียงระดับโลก ภายใต้แนวคิด “Think Different”

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นวีรบุรุษของ Apple ภายใต้แนวคิด “Think Different”

2. แบรนด์ประเภทเพื่อนสนิท (Companion)
เพื่อนแท้คือสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งในชีวิตของคนเราหลายๆคน เพราะเพื่อนแท้นั้นเราสามารถเล่าปัญหาและปรึกษาทุกอย่างได้ การที่คนเราจะมีเพื่อนสนิทหรือเพื่อนแท้ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องผ่านบททดสอบในการใช้ชีวิตมากมายมาด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นยามที่มีความสุขหรือความทุกข์ร่วมกัน เมื่อเราอยู่กับเพื่อนที่เราสนิทด้วยเราจะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นเป็นกันเอง (Friendly) ทำให้เกิดความผ่อนคลาย (Relax) และสบายใจ (Comfort) ผมเชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านคงเคยผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาแล้วและน่าจะเข้าใจความหมายอันเป็นสากลของ Archetype ประเภทเพื่อนสนิทนี้เป็นอย่างดี
แบรนด์ที่จะถูกมองว่าเป็นเพื่อนสนิทได้นั้น จะต้องมีลักษณะของความเป็นมิตร (Friendship) ชอบผูกสัมพันธ์ (Sociability) และให้ความช่วยเหลือสนับสนุน (Help & Support) แบรนด์ประเภทเพื่อนสนิทนี้สืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของอารมณ์ (Emotion)
จากผลการวิจัยของ YR BAV ทั่วโลกพบว่า แบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบริการส่วนใหญ่อาทิเช่น โรงแรม สายการบิน ร้านอาหารฯลฯ มักจะใช้ความเป็นเพื่อนสนิทนี้เป็นจุดขายที่สร้างความเชื่อมั่นและไว้เนื้อเชื้อใจในกลุ่มผู้บริโภค ตัวอย่างเช่น การบินไทยซึ่งเคยได้รับรางวัลสายการบินที่ให้บริการยอดเยี่ยมของโลก อีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นชัดสำหรับแบรนด์ของประเทศไทยก็คือ เอ็มเคสุกี้ที่นำเสนอภาพลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหารกับครอบครัวอย่างมีความสุข ด้วยอาหารที่สดสะอาดและพนักงานที่เต็มใจให้บริการอย่างสามัคคี ภายใต้จุดขายที่ว่า ช่วงเวลาแห่งความอบอุ่น
ในเชิงกลยุทธ์ของการสื่อสารแล้วความเป็นแบรนด์ประเภทเพื่อนสนิทนี้ จะช่วยสร้างความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจในสินค้าและบริการของแบรนด์ รวมทั้งยังช่วยสร้างความสนิทสนมและสายสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคผ่านทางสายใยแห่งความเชื่อมั่น (Bond of Trust) ได้ดีอีกด้วย

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นเพื่อนสนิทของ การบินไทย

3. แบรนด์ประเภทมารดา (Earth Mother)
แม่หรือมารดา คือผู้ที่ให้กำเนิดชีวิตและอุ้มชูเลี้ยงดูจนเราเติบใหญ่ เป็น Archetype พื้นฐานที่ทุกคนรู้จักเพราะแม่คือประสบการณ์แรกที่ทุกชีวิตได้รู้จัก สัมผัส ดั่งเช่นทารกน้อยแรกเกิดรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและห่วงใยที่แม่มีให้ แม่คือผู้ที่ให้การอุปถัมภ์เลี้ยงดู (Nurturance) เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ (Abundance) ตามธรรมชาติซึ่งแทรกซึมอยู่ในความรู้สึกผูกพันคุ้นเคย (Belonging) แม้ว่าแม่แต่ละคนจะมีบุคลิกลักษณะและวิธีการอบรมเลี้ยงดูลูกที่แตกต่างกัน แต่ทุกคนล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ การมอบคุณค่าที่ดีที่สุดให้กับลูกและครอบครัว ทั้งหมดนี้คือความหมายของแม่ซึ่งเป็นสากลและทุกคนสัมผัสได้
แบรนด์ที่จะถูกมองว่าเป็นมารดาได้นั้น จะต้องมีลักษณะของความทะนุถนอม อ่อนโยน เอาใจใส่ (Nurturing) มีความจริงใจไม่เสแสร้ง (Genuine) และแน่วแน่มั่นคงสม่ำเสมอ (Stable) แบรนด์ที่เป็นมารดานั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของแก่นสาร (Substance) ซึ่งเต็มไปด้วยสาระและความอุดมสมบูรณ์มั่งคั่ง
จากผลการวิจัยของ YR BAV ทั่วโลกพบว่า แบรนด์ที่มีความเป็นมารดามักจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจประเภทอาหารการกินหรือของที่ใช้ในชีวิตประจำวันของครอบคัว ตัวอย่างเช่น เครื่องดื่มมอลต์สกัดรสช็อคโกแล็ตยี่ห้อโอวัลติน(Ovaltine) ที่คุณแม่มักจะชงให้ลูกๆกินก่อนไปโรงเรียนทุกเช้า เพราะนอกจากรสชาติที่เด็กๆชื่นชอบแล้วยังเปี่ยมไปคุณค่าของมอลต์และวิตามินเกลือแร่ต่างๆมากมาย ทำให้คุณแม่มั่นใจว่าลูกจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วน ในการเล่าเรื่องราวของแบรนด์โอวัลตินในโฆษณาก็มักจะสะท้อนสายใยความผูกพันระหว่างน้องพลับและคุณแม่ หรือความอบอุ่นในครอบครัวของคุณรวิชญ์ให้ผู้บริโภคเห็นอยู่เสมอ

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นมารดาของ Ovaltine

4. แบรนด์ประเภทผู้สร้างความประหลาดใจ (Jester)
ตามรากศัพท์แล้ว Jester คือ ตัวตลกหลวง ผู้มีหน้าที่สร้างความบันเทิงให้กับพระราชาและขุนนางในราชสำนัก โดยสามารถหลอกคนดูให้เพลิดเพลินด้วยมุขตลกและกลเม็ดที่สร้างความประหลาดใจใหม่ๆ ชนิดที่ไม่มีใครคาดเดาได้ สำหรับความหมายที่แท้จริงของ Archetype Jester ในเรื่องราวสากลนั้นคือ ผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์แปลกๆใหม่ๆ (Creative) เป็นคนที่รักความสนุกสนาน (Fun) ขี้เล่นและเจ้าเล่ห์แสนกล ชนิดจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ชอบทำในสิ่งที่คนคาดไม่ถึงและการหลอกให้เข้าใจผิด (Misunderstood) ตัวอย่างเช่น มิสเตอร์บีนในภาพยนตร์ นักแสดงตลกในโลกแห่งความเป็นจริงอย่าง จิม แครี่ หรือผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์อย่างดีไซน์เนอร์ชั้นนำเช่น Jean Paul Gaultier ซึ่งนำเสนอเสื้อผ้าในสไตล์ที่สุดโต่งเกินคาดเดา
แบรนด์ประเภท Archetype Jester นี้สืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของพลังงาน (Energy) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีบุคลิกลักษณะตรงข้ามกับกลุ่มของแก่นสาร (Substance) ซึ่งเต็มไปด้วยสาระและความอุดมสมบูรณ์มั่งคั่งอย่างสิ้นเชิง แบรนด์ที่จะถูกมองว่าเป็นผู้สร้างความประหลาดใจได้นั้น จะต้องแสดงออกถึงความสนุกสนาน (Fun) มีการคิดริเริ่มสิ่งใหม่ๆ (Original) ไม่ชอบเคารพกฏเกณฑ์และเป็นนักแหกคอกตัวยง (Irrelevant) ด้วยเหตุนี้ Archetype Jester จึงเป็นการสร้างตำแหน่งสินค้า (Brand Positioning) ที่ท้าทายความซ้ำซากจำเจจากสิ่งที่นำเสนอแบบเดิมๆ มาสู่วิธีการนำเสนอที่สร้างสรรค์ใหม่ๆซึ่งสนุกสนาน ทำให้แบรนด์สามารถเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น เบียร์ไฮเนเก้น (Heineken) ซึ่งแม้จะเข้ามาในตลาดไทยตามหลังคู่แข่ง แต่ด้วยวิธีการโฆษณาที่แตกต่างซึ่งนำเอาเรื่องราวในชีวิตประจำวันของกลุ่มเป้าหมายมาหักมุมด้วยมุกตลกขำๆ ทำให้แบรนด์ไฮเนเก้น (Heineken) เป็นที่จดจำและสนใจของผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว อีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดในประเทศไทยก็คือแบรนด์แฮปปี้ (HAPPY) ระบบโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินของค่ายดีแทค ซึ่งได้ฉีกตัวเองออกจากแบรนด์ของคู่แข่ง ด้วยจุดขายเรื่องความเป็นระบบโทรศัพท์ที่ใช้ง่ายเหมาะสำหรับทุกๆคนและภาพลักษณ์ที่สบายๆ สนุกสนานแฝงด้วยอารมณ์ขันให้อมยิ้ม

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นผู้สร้างความประหลาดใจของ Heineken

ตัวอย่าชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นผู้สร้างความประหลาดใจของ Happy

แม้ว่าการใช้ Archetype Jester นี้จะใช้ความสนุกสนานและอารมณ์ขันมาทำให้ผู้บริโภคจดจำได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็อาจมีพลังต่อผู้บริโภคเพียงชั่วคราว เพราะถ้าหลังจากผู้บริโภคพิจารณาแล้วไม่มีอะไรที่เป็นสาระน่าสนใจก็จะกลายเป็นความสนุกสนานเพียงข้ามคืน แล้วก็จะค่อยๆสลายไปเพราะไม่มีเนื้อหาสาระอะไรให้เก็บไว้ในความทรงจำ ดังนั้นเราจึงควรสอดแทรกเนื้อหาสาระบางอย่างที่เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่จะโฆษณาลงไปในความสนุกสนานที่จะนำเสนอด้วย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการสื่อสาร

5. แบรนด์ประเภทนักปราชญ์ (Sage)
นักปราชญ์คือผู้ที่เปี่ยมไปด้วยสติปัญญาและความคิดอันลึกซึ้ง ใช้ความรอบรู้เป็นเครื่องนำทางชีวิต ใช้ประสบการณ์มาเป็นบทเรียน เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับนักถือจากคนส่วนใหญ่ เนื่องจากมีความปราดเปรื่อง ฉลาดเฉลียว ตัวอย่างเช่น ขงเบ้ง อัลเบิร์ต ไอสไตน์ เป็นต้น ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความหมายของ นักปราชญ์ในเรื่องราวสากลนั้นคือ ผู้ที่มีปัญญาอันรอบรู้ (Spiritual) เป็นสัญลักษณ์แห่งปัญญา (Wisdom) และความฉลาดรอบรู้ (Wise)
แบรนด์ที่จะถูกมองว่าเป็นนักปราชญ์ได้นั้น จะต้องมีภาพลักษณ์ของผู้ที่สุขุมรอบคอบ (Wise) มีความรู้ที่ลึกซึ้ง (Profound) และรักสันโดษ (Asceticism) ทั้งนี้เพราะแบรนด์ที่เป็นนักปราชญ์นั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของความคิด (Thought) ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ทีตรงข้ามกับบุคลิกลักษณะแบรนด์ประเภทผู้สร้างความประหลาดใจ (Jester) อย่างสิ้นเชิงเช่นกัน
จากผลการวิจัยของ YR BAV พบว่า Microsft คือแบรนด์ที่เป็นนักปราชญ์ในสายตาของคนทั่วโลก ด้วยความฉลาดล้ำในการคิดค้นและพัฒนาการระบบปฏิบัติคอมพิวเตอร์ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและใช้งานง่ายสำหรับคนทั่วโลกอาทิเช่น Microsoft Window & Office รวมทั้งภาพลักษณ์ที่นำเสนอความเป็นมืออาชีพที่สุขุมและรอบรู้ซึ่งสามารถสังเกตได้จากชิ้นงานโฆษณาภาพลักษณ์ของบริษัท นอกจากนี้ก็ยังมีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางบำรุงผิวหน้าที่เน้นเรื่องความสวยงาม แต่เนื่องจากกระแสการดูแลสุขภาพในปัจจุบัน ทำให้หลายแบรนด์หันมาสร้างภาพลักษณ์ความเป็นผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือมากขึ้น ด้วยการอ้างถึงผลพิสูจน์ทางการแพทย์หรือหาสถาบันวิจัยมาสนับสนุน บางยี่ห้อถึงขนาดวางตำแหน่งตัวเองเป็นเครื่องสำอางที่แพทย์รับรองอย่างเช่น Eucerin เป็นต้น นอกจากความเป็นนักปราชญ์จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์เป็นอย่างดีแล้วก็ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำได้ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มประเภทแอลกฮอล์ระดับพรีเมี่ยมซึ่งเป็นเจ้าตลาดอย่าง ก็นำเสนอภาพลักษณ์ที่สะท้อนความเป็นนักปราชญ์ผู้ลึกซึ้งในความคิดและสะท้อนความเป็นผู้นำได้เป็นอย่างดี

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นนักปราชญ์ของ Johnnie Walker

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นนักปราชญ์ของ Eucerin

6. แบรนด์ประเภทนักมายากล (Magician)
นักมายากลหรือผู้มีศิลปะแห่งอำนาจวิเศษเหมือนมีเวทมนตร์อันอัศจรรย์ เป็นตัวแทนของพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง (Power of Change) อย่างการเปลี่ยนแปลงรูป การเปลี่ยนสภาพและการเปลี่ยนแปลงตัวเองตัวอย่างเช่น พ่อมดในตำนานผู้มีเวทมนตร์สามารถหายตัวไปไหนมาไหนได้อย่างรวดเร็ว ซุปเปอร์แมนในภาพยนตร์ที่เปลี่ยนตัวเองจากหนุ่มนักข่าวผู้แสนซื่อไปสู่วีรบุรุษผู้พิทักษ์โลก หรือแม้แต่นักร้องสาวซุปเปอร์สตาร์อย่างมาดอนน่าที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ตัวเองทุกครั้งที่ออกอัลบั้มเพลงใหม่ๆ เป็นที่น่าสังเกตว่าการเปลี่ยนแปลงนี้มักจะแปรไปสู่สิ่งที่ดีกว่า (Positive Aspect of Change) และเป็นการเกิดใหม่ (Rebirth) ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความหมายของนักมายากลในเรื่องราวสากลนั้นคือ การเปลี่ยนแปลง (Transformation) การให้อำนาจ (Empowerment) และความปิติยินดี (Delight)
เนื่องจากแบรนด์ที่เป็นนักมายากลนั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของความคิด (Thought) และกลุ่มของพลังงาน (Energy) จึงเป็นแบรนด์ที่มีบุคลิกลักษณะของผู้ที่ฉลาดเฉลียว (Clever) มีพรสวรรค์ (Gifted) ซึ่งดูลึกลับชวนให้ค้นหา (Mysterious)
จากผลการวิจัยของ YR BAV ทั่วโลกพบว่า Smirnoff ผู้นำแห่งเหล้าวอดก้านั้นถูกมองเป็นแบรนด์ประเภทนักมายากลเพราะในการโฆษณามักจะพยายามสื่อถึงอำนาจพิเศษของ Smirnoff ที่ก่อให้เกิดภาพลวงตาที่เปลี่ยนแปลงความรู้สึกได้อย่างประหลาด อย่างไรก็ตามการจะใช้ Archetype Magician เป็นกลวิธีในการโฆษณานั้นควรจะมีเหตุผลประกอบที่ดูน่าเชื่อถือ เพื่อสนับสนุนผลแห่งการเปลี่ยนแปลงที่สัญญาไว้หลังจากการใช้สินค้าหรือบริการ และถ้าจะให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้ Archetype Magician นี้มากขึ้น ก็ควรมีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจน จับต้องได้ ไม่คลุมเครือและเห็นผลที่รวดเร็วเหมือนใช้เวทย์มนตร์

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นนักมายากลของ Smirnoff

7. แบรนด์ประเภทผู้พิทักษ์ (Guardian)
การปกป้อง คุ้มครอง พิทักษ์หรืออารักขาคือเรื่องราวของ Archetype ประเภทนี้ ตัวอย่างเช่น แฮกริดคุณครูที่คอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำแก่แฮรี่พอตเตอร์ในภาพยนตร์ เหล่าอัศวินโต๊ะกลมผู้พิทักษ์ของกษัตริย์อาเธอร์ หรือตำรวจที่คอยพิทักษ์ความสงบสุขให้กับบ้านเมืองของเรา ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความหมายของผู้พิทักษ์ ในเรื่องราวสากลนั้นคือ การปกป้องคุ้มครอง (Protection) เป็นที่ปรึกษา (Mentoring) และมีระเบียบวินัย (Discipline)
เนื่องจากแบรนด์ที่เป็นผู้พิทักษ์นั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของความคิด (Thought) และกลุ่มของแก่นสาร (Substance) จึงเป็นแบรนด์ที่มีบุคลิกลักษณะของผู้ที่รอบคอบ (Organized) มีระบบระเบียบแบบแผน (Systematic) มีการบริหารควบคุมที่ดี (Controlled) ผู้พิทักษ์นั้นมักจะทำตัวเป็นพลังเงียบที่คอยเกื้อหนุนหรือคอยดูแลคุ้มครองอยู่เบื้องหลังเหมือนปิดทองหลังพระ ไม่โฉ่งฉ่าง ก้าวร้าว มีความสงบนิ่งสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองและสถานการณ์ต่างๆได้เป็นอย่างดี
จากผลการวิจัยของ YR BAV พบว่า Shell คือแบรนด์ที่เป็นผู้พิทักษ์ในสายตาของคนทั่วโลกเพราะ Shell ไม่เพียงแต่พัฒนาน้ำมันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพรถและดูแลรักษาเครื่องยนต์แล้ว แต่จัดตั้งโครงการและช่วยรณรงค์ให้คนหันมารักษาชีวิตสัตว์และสภาพแวดล้อมของโลกด้วย สำหรับในประเทศไทยแล้วผลิตภัณฑ์ประเภทวัสดุที่ช่วยในการก้อสร้างอย่างเช่น ปูนซีเมนต์หรือแม้แต่สีทาบ้านหลายยี่ห้อ ก็พยายามสื่อสารความเป็นแบรนด์ผู้พิทักษ์ให้เกิดขึ้นในใจผู้บริโภคด้วยเช่นกัน

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นผู้พิทักษ์ของ Shell และสี TOA

ในเชิงกลยุทธ์ของการสื่อสารแล้ว Archetype ประเภทผู้พิทักษ์นี้จะช่วยเรียกร้องความสนใจของผู้บริโภคให้หันมาตระหนักถึงความสำคัญของสินค้าและแบรนด์ที่ใช้อยู่ได้เป็นอย่างดี จากเดิมที่อาจจะถูกมองว่ามีความสำคัญไม่มากนัก การใช้Archetype ประเภทผู้พิทักษ์นี้จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นหากแสดงออกมาในแง่ของความมุ่งมั่นในการดูแลคุ้มครองผู้บริโภค แต่ก็ต้องไม่ดูเถรตรงและขาดสีสันที่น่าสนใจในการนำเสนอ Archetype ประเภทผู้พิทักษ์นี้เหมาะอย่างยิ่งกับสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องดูแล รวมทั้งการคุ้มครองโลกใบนี้ให้ปลอดภัยและน่าอยู่

8. แบรนด์ประเภทผู้บริสุทธิ์ (Maiden)
ผู้บริสุทธิ์หรือบางครั้งก็คือนางเอกผู้อ่อนโยนและใสซื่อ บทบาทของ Archetype ประเภทนี้มักจะปรากฏเสมอๆในเรื่องราวต่างๆ ตัวอย่างเช่น สโนไวท์ผู้อ่อนโยนและใสซื่อในนิทาน แม่ชีเทริซ่าผู้อุทิศทั้งชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้จนกลายเป็นที่รักและจดจำของคนทั้งโลก ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความหมายของผู้บริสุทธิ์ในเรื่องราวสากลนั้นคือ ความบริสุทธิ์ (Purity) ใสซื่อไร้มารยา (Innocence) และยอมเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น (Selfless Service)
เนื่องจากแบรนด์ที่เป็นผู้บริสุทธิ์นั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของแก่นสาร (Substance) และกลุ่มของอารมณ์ (Emotion) จึงเป็นแบรนด์ที่มีบุคลิกลักษณะของผู้ที่มองโลกในแง่ดี (Optimistic) มีความใสซื่อ (Innocent) และบริสุทธิ์อย่างธรรมชาติ (Gifted)
จากผลการวิจัยของ YR BAV พบว่า Johnson & Johnson คือแบรนด์ของผลิตภัณฑ์ดูแลเด็กทารกที่คุณแม่ทั่วโลกวางใจ ด้วยการเน้นจุดขายเรื่องความอ่อนโยนบริสุทธิ์ของผลิตภัณฑ์ น้ำแร่เอเวียง (Evain) ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของแบรนด์ที่ถูกมองว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ในสายตาของคนทั่วโลก

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นผู้บริสุทธิ์ของ Johnson & Johnson

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นผู้บริสุทธิ์ของ Evain

ในเชิงกลยุทธ์ของการสื่อสารแล้ว Archetype ประเภทผู้บริสุทธิ์นี้หากนำมาใช้โฆษณาสินค้าประเภทของกินของใช้ที่เกี่ยวกับร่างกายแล้ว จะสามารถเรียกความไว้วางใจจากผู้บริโภคได้ง่าย แต่ก็มักจะแฝงด้วยพลังเฉื่อยเนื่องจากบทบาทของความเป็นนางเอกที่เอาแต่มองโลกในแง่ดี ใสซื่อดูไม่ทันโลกจนถูกตัวอิจฉากลั่นแกล้งแล้วก็มานั่งร้องไห้ตามแบบฉบับของนิยายน้ำเน่าสมัยก่อน ดังนั้นบทบาทนางเอกผู้บริสุทธิ์ในสมัยนี้จึงถูกเปลี่ยนแปลงให้มีความรู้เท่าทันเหตุการณ์ของโลกมากขึ้นและมีปากมีเสียงกล้าเผชิญหน้ามากขึ้นแต่ยังรักษาไว้ซึ่งเจตนาอันดีบริสุทธิ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้น่าจะนำไปปรับใช้สำหรับสร้างเสน่ห์ให้กับแบรนด์ที่เป็นArchetype ประเภทผู้บริสุทธิ์ในปัจจุบันได้ดี

9. แบรนด์ประเภทผู้น่าหลงใหล (Enchantress)
ผู้น่าหลงใหลหรือบางครั้งก็ถูกเรียกว่า นางฟ้า เป็นผู้ที่มีเสน่ห์เย้ายวนใจ เปี่ยมไปด้วยพลังลึกลึบที่ชวนให้ใครต่อใครต้องหลงใหลและปรารถนาที่จะเป็นเจ้าของ ตัวอย่างเช่น เฮเลนหญิงสาวผู้เลอโฉมที่สุดในโลกจนเป็นฉนวนให้เกิดสงครามอันยิ่งใหญ่ระหว่างกรีกและโรมัน หรือบู๊เช็คเทียนหนึ่งในสี่สาวงามของจีนก็เป็นฉนวนให้เกิดสงครามอันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์จีนเช่นกัน สำหรับผู้น่าหลงใหลในชีวิตจริงยุค 90 นั้นก็คือ มาราลีน มอนโร ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความหมายของผู้น่าหลงใหลในเรื่องราวสากลคือ ความสุข (Pleasure) การกระตุ้นความรู้สึก (Sensuality) และการล่อใจ (Temptation)
เนื่องจากแบรนด์ที่เป็นผู้น่าหลงใหลนั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของอารมณ์ (Emotion) และกลุ่มของ พลังงาน (Energy) จึงเป็นแบรนด์ซึ่งมีบุคลิกลักษณะที่งดงาม (Beautiful) มีเสน่ห์ลึกลับชวนให้ค้นหา (Mysterious) และเย้ายวนใจ (Tempting)
จากผลการวิจัยของ YR BAV ทั่วโลกพบว่า แบรนด์ที่มีความเป็นผู้น่าหลงใหลมักจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจประเภทน้ำหอมเครื่องสำอางอาทิเช่น Dolice & Gabbana, Calvin Klien , AXE เป็นต้น นอกจากแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าประเภทน้ำหอมเครื่องสำอางแล้ว ร้านกาแฟชื่อดังอย่าง Starbuck ก็ถูกมองว่าเป็นผู้ทีมีเสน่ห์เย้ายวนใจเนื่องจากบรรยากาศของกาแฟอันหอมกรุ่นทั่วทั้งร้าน ดังนั้นจะเห็นว่า รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ประสาทสัมผัสทั้ง 5 นี้คือช่องทางสำคัญที่จะใช้เป็นกลยุทธ์ในการทำให้แบรนด์ของเรากลายเป็นที่หลงใหลของกลุ่มเป้าหมายเราได้ง่าย

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นผู้น่าหลงใหลของ AXE

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นผู้น่าหลงใหลของ D&G

10. แบรนด์ประเภทนักรบ (Warrior)
เรื่องราวของนักรบมักจะเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ที่ต้องใช้กำลังเพื่อปราบปรามศัตรูหรือแข่งขันให้ได้มาซึ่งชัยชนะตัวอย่างเช่น อคิลิสผู้ต่อสู้กับทรราชในสงครามกรุงทรอย เหล่าบรรดาขุนศึกสปาตัสแห่งกรีกที่มีเพียงแค่ 300 คนแต่ต้องต่อสู้กับกองทัพศัตรูขนาดใหญ่ในภาพยนตร์เรื่อง 300 หรือไกรทองผู้ปราบจระเข้ในวรรณคดีไทย ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความหมายของนักรบในเรื่องราวสากลคือ พละกำลัง (Power) การปราบปรามศัตรูคู่แข่ง (Overthrowing the Tyrant) เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ (Victory)
แบรนด์ที่เป็นนักรบนั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของจิตวิญญาณ (Spirit) และกลุ่มของความคิด (Thought) จึงเป็นแบรนด์ที่เป็นลักษณะหนึ่งของวีรบุรุษประเภทนักรบ ซึ่งมีบุคลิกลักษณะของผู้ที่มีความแข็งแกร่ง (Strong) มีความเชื่อมั่น (Confident) และกล้าหาญ (Courageous)
จากผลการวิจัยของ YR BAV ทั่วโลกพบว่า ยางรถยนต์ยี่ห้อ Pirelli มีลักษณะของแบรนด์ที่เป็นนักรบเนื่องจากในการโฆษณามักจะชูจุดขายที่ว่า เป็นยางรถยนต์ที่มีความทนทานสูงและพร้อมส่งให้รถคุณไปถึงจุดหมายที่ตั้งไว้ ภายใต้ไอเดียที่ว่า “Driving Instinct” หรือบริการขนส่งสินค้าอย่าง Fedex ที่มีความมุ่งมั่นที่จะส่งของที่รับมอบหมายไม่ว่าจะต้องพบอุปสรรคมากมายแค่ไหน สำหรับประเทศไทยแล้วแบรนด์ที่สร้างภาพลักษณ์ความเป็นนักต่อสู้ได้ชัดเจนอย่างมากแบรนด์หนึ่งก็คือ คาราบาวแดง ซึ่งพยายามตอกย้ำความเป็นนักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่ในทุกๆแคมเปญโฆษณาที่นำเสนอ

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นนักรบของ Pirelli

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นนักรบของคาราบาวแดง

ในเชิงกลยุทธ์ของการสื่อสารแล้ว หากเรารู้จักนำเอา Archetype ประเภทนักรบนี้มาใช้กระตุ้นความรู้สึกผู้บริโภคได้โดนใจ โดยการนำเอาลักษณะเด่นมาใช้ได้ถูกต้องก็จะทำให้แบรนด์เกิดพลังในการดึงดูดใจกลุ่มเป้าหมายได้มาก ตัวอย่างเช่น บุหรี่ Malboro ที่นำเสนอภาพลักษณ์ของความเป็นชายชาตรีซึ่งดูเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ ซึ่งสะท้อนสิ่งที่ผู้ชายหลายคนโหยหาอยู่ลึกๆ และทำให้ Malboro กลายเป็นบุหรี่ที่ขายดีอันดับต้นๆของอเมริกา

11. แบรนด์ประเภทนักค้นหา (Explorer)
นักค้นหา, นักสำรวจ, นักเดินทาง, นักผจญภัย, หรือคนรักอิสรภาพ คือคำนิยามที่หลากหลายของ Archetype ประเภทนี้ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางที่ไม่หยุดนิ่งของผู้รักเสรีภาพที่ชอบแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆในโลกกว้าง ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการส่วนตัวรวมทั้งความฝันของเขาได้ ยกตัวอย่างเช่น เรื่องราวของ อินเดียน่าโจนส์ วีรบุรุษนักผจญภัยในภาพยนตร์ ผู้ซึ่งเดินทางไปค้นหาสมบัติยังดินแดนลึกลับเต็มไปด้วยภัยอันตรายมากมาย ส่วนถ้าเป็นนิยายไทยก็คงคล้ายกับเรื่องเพชรพระอุมา หรืออีกตัวอย่างหนึ่งในโลกแห่งความจริงก็คือ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสผู้แล่นเรือเดินทางรอบโลกจนค้นพบทวีปอเมริกาในประวัติศาสตร์ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความหมายของนักค้นหาในเรื่องราวสากลคือ การค้นหาตัวเอง (Self-Discovery) การแสวงหาผจญภัย (Quest) การทดลองเพื่อให้ได้มาซึ่งประสบการณ์ใหม่ๆ (Trial) กล้าเสี่ยงที่จะทำสิ่งที่นอกเหนือขอบเขตจำกัด (Challenge)
แบรนด์ประเภทนักค้นหานั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของจิตวิญญาณ (Spirit) และกลุ่มของพลังงาน (Energy) จึงเป็นแบรนด์ที่เป็นลักษณะหนึ่งของวีรบุรุษประเภทนักค้นหาผจญภัย ซึ่งมีบุคลิกลักษณะของผู้ที่รักความอิสระเสรี เป็นตัวของตัวเอง (Independent) รักการผจญภัย (Adventurous) กล้าเผชิญหน้ากับเรื่องที่ต้องเสี่ยงและท้าทาย (Daring)
จากผลการวิจัยของ YR BAV พบว่า Nike คือแบรนด์ที่เป็นนักค้นหาในสายตาของคนทั่วโลก เนื่องจากมีการพัฒนาสินค้าที่ไม่หยุดยั้งและมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่ได้ยึดติดกับการที่จะขายสินค้า แต่กลับสนับสนุนให้มนุษย์ทุกคนมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้าภายใต้ความคิดที่ว่า “Just do it”
ในเชิงกลยุทธ์ของการสื่อสารแล้ว แบรนด์ที่จะสร้างภาพลักษณ์ของการเป็นนักค้นหา (Explorer) ควรจะเน้นไปที่ความสำเร็จ ในความเป็นนักค้นหา นักทดลอง นักสำรวจ รักการแสวงหาผจญภัย และควรแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่กว้างไกลเพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกที่ดีต่อแบรนด์ ในขณะเดียวกันสินค้าและบริการที่นำเสนอก็ต้องสามารถรองรับความต้องการของผู้บริโภคแบบ Explorer ได้ด้วยตัวอย่างเช่น รถยนต์ Land Rover ที่ชูจุดขายภายใต้ความคิดที่ว่า “Approve by the Wild” เป็นต้น

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นนักค้นหาของ Nike

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นนักค้นหาของ Land Rover

12. แบรนด์ประเภทนักปกครอง (Patriach)
นักปกครอง นักบริหาร หรือกษัตริย์ คือคำนิยามที่หลากหลายของ Archetype ประเภทนี้ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของนักปกครองผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจแห่งความเป็นผู้นำ มีความมั่นคงมั่งคั่ง คอยควบคุมดูแลความสงบสุขและเป็นที่พึ่งของประชาชน จนได้รับความเคารพนับถือ ตัวอย่างเช่น กษัตริย์อาเธอร์ในตำนานอัศวินโต๊ะกลมผู้เป็นที่พึ่งของประชาชนและปกครองให้ประชาชนอยู่อย่างร่มเย็น พระเจ้าอโศกมหาราชของชาวภารตะผู้ซึ่งปกครองประชาชนด้วยทศพิธราชธรรม ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความหมายของนักปกครองในเรื่องราวสากลคือ การมีอำนาจหน้าที่ (Authority) ระเบียบวินัย (Order) และรากฐานที่มั่นคงมั่งคั่ง (Establishment)
แบรนด์ประเภทนักปกครองนั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของจิตวิญญาณ (Spirit) และกลุ่มของแก่นสาร (Substance) จึงเป็นแบรนด์ที่เป็นลักษณะหนึ่งของวีรบุรุษประเภทนักปกครอง ซึ่งมีบุคลิกลักษณะของผู้ที่มีความสง่างาม (Dignified) ตรงไปตรงมา (Straightforward) และเชื่อถือได้ (Authoritative)
จากผลการวิจัยของ YR BAV ทั่วโลกพบว่า บัตรเครดิต American Express เป็นแบรนด์ที่มีลักษณะของนักปกครองด้วยรากฐานการเงินที่มั่นคงและมีมานาน ในขณะที่โฆษณาก็จะนำเสนอเรื่องราวของสิทธิเศษ การได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง หรือบางครั้งก็ใช้ผู้มีชื่อเสียงในสังคมมาสนับสนุนและบอกเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับบัตร American Express ดังเช่นชิ้นงานโฆษณาบัตร American Express ด้านล่างที่ใช้นักเทนนิสผู้ฝีมือฉกาจระดับโลกอย่าง แอนดี้ ร๊อดดิค มานำเสนอ สำหรับประเทศไทยแล้วแบรนด์ที่สะท้อนภาพลักษณ์ของความเป็นนักปกครองหรือนักบริหารที่เด่นชัดก็คือ ปตท. สังเกตได้จากงานโฆษณาภาพลักษณ์ขององค์กรส่วนใหญ่ที่ผ่านมา ซึ่งนำเสนอภาพความเป็นผู้นำที่มีความตั้งใจทุ่มเทที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ภายใต้แนวคิดล่าสุดที่ว่า เราทุ่มเทเพื่อความมั่นคงทางพลังงาน

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นนักปกครองของ American Express

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นนักปกครองของ ปตท.

ในเชิงกลยุทธ์ของการสื่อสารนั้น แม้ว่าแบรนด์ที่จะสร้างภาพลักษณ์ของการเป็นนักปกครองจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้ดี แต่ก็ควรเป็นแบรนด์ที่มีเกียรติประวัติที่ดี มีรากฐานความเป็นมา ไม่ใช่เป็นแบรนด์ที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ และที่สำคัญอย่างยิ่งคือ การรักษาคำมั่นสัญญาที่นำเสนอไว้ในโฆษณา เพราะหากไม่สามารถรักษาคำสัญญาหรือผลลัพธ์ที่จะได้หลังการใช้สินค้าที่โฆษณา ก็จะเป็นการทำลายเกียรติประวัติยาวนานที่ทำมาได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังควรนำเสนอภาพลักษณ์ที่ไม่ให้ดูจริงจังหรือเครียดมากไปนัก เพราะกษัตริย์หรือนักปกครองโดยตำแหน่งแล้วจะอยู่เหนือประชาชนทำให้เกิดช่องว่างและความรู้สึกเหินห่างกับผู้บริโภคได้ง่าย ดังนั้นจึงควรสอดแทรกอารมณ์ของความสบายๆเป็นกันเองเข้าไปด้วย เพื่อให้แบรนด์ดูเป็นกันเองและผู้บริโภคอยากรู้จักมากขึ้น

13. แบรนด์ประเภทนักรัก (Lover)
เรื่องราวของนักรัก คนรัก คู่รักหรือผู้มอบความรักนั้นส่วนใหญ่มักจะเกี่ยวข้องกับบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความซาบซึ้งและโรแมนติกยกตัวอย่างเช่น เรื่องราวความรักอันโรแมนติกของจูเลีย โรเบิรต์ และฮิวจ์ แกร้นท์ในภาพยนตร์เรื่อง Nothing Hill หรือรักปนเศร้าอย่างโรมิโอและจูเลียต เรื่องราวของพยัคฆ์ร้ายผู้เก่งฉกาจในการปราบปรามเหล่าร้ายอย่าง เจมส์ บอนด์ 007 ผู้แพรวพราวไปด้วยเสน่ห์มัดใจหญิง หรือเลดี้ ไดอาน่าเจ้าหญิงผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี อ่อนโยนและดูสูงศักดิ์ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าความหมายของนักรักในเรื่องราวสากลคือ ความรักความผูกพันอันซาบซึ้ง (Romance) การช่วยเหลือ (Rescue) และความหรูหราสง่างาม (Glamorous)
แบรนด์ประเภทนักรักนั้นสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มของจิตวิญญาณ (Spirit) และกลุ่มของอารมณ์(Emotion) จึงเป็นแบรนด์ที่เป็นลักษณะหนึ่งของวีรบุรุษประเภทนักรัก ซึ่งมีบุคลิกลักษณะของผู้มีความลึกซึ้งสุนทรีย์ ละเมียดละไม อ่อนโยน (Romantic) มีความเนียบโก้หรู (Dashing) เอาใจเก่งและให้เกียรติคน (Chivalrous)
จากผลการวิจัยของ YR BAV ทั่วโลกพบว่า Tiffany & Co.คือแบรนด์ประเภทนักรักเพราะมีภาพลักษณ์และเครื่องประดับที่ดูโก้หรู เพื่อมอบให้คนที่รักหรือให้เป็นรางวัลกับตัวเอง การด์สำหรับอวยพรในเทศกาลต่างๆอย่าง Hallmark ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งเพราะ Hallmark ค้นพบว่าการที่คนมอบการ์ดให้กันนั้นเพื่อต้องการบอกความรู้สึกพิเศษๆที่มีต่ออีกฝ่ายให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อให้เขารู้ว่า “คุณพิเศษสำหรับฉันมากแค่ไหน” สำหรับแบรนด์ประเภทนักรักที่โดดเด่นในความคิดคนไทยก็คือ Coffee-mate ซึ่งพยายามตอกย้ำเรื่องราวความรักระหว่างชายหญิงเปรียบดั่งกาแฟก็ต้องคู่กับคอฟฟี่เมต
ในเชิงกลยุทธ์ของการสื่อสารแล้ว Archetype ประเภทนักรักนี้จะใช้สร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์ที่ขายสินค้าราคาระดับกลางไปจนถึงแพง ดูแตกต่างจากแบรนด์ที่ขายราคาระดับกลางถึงต่ำทั่วๆไปได้ด้วยรสนิยมที่ดี แบรนด์ที่จะสร้างภาพลักษณ์ของการเป็นคู่รักนั้น (Lover) ควรจะเน้นเรื่องการให้คนมีความรักความสัมพันธ์อันแนบแน่ ช่วยให้คนรู้สึกพิเศษด้วยความรักและการดูแล ตัวอย่างเช่น เรื่องราวความรักและการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันของมาร์คกับแพท สุธาสินี พุทธินันท์ ในโฆษณาของแบรนด์รังนก เป็นต้น

ตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาที่สื่อความเป็นคู่รักของ แบรนด์รังนกแท้

จากการศึกษาตัวตนของแบรนด์ทั้ง 13 ประเภทผ่านทางเรื่องราวและบทบาทของตัวละครต่างๆที่กล่าวมาแล้วนั้น จะช่วยให้เราเข้าใจความหมายของแบรนด์ที่ซ่อนอยู่ในใจผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น สามารถนำลักษณะดังกล่าวมาทำการวิเคราะห์เปรียบเทียบกับแบรนด์คู่แข่ง เพื่อที่จะได้ทราบถึงจุดแข็งจุดอ่อนในแบรนด์ของเรา และนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้สร้างตำแหน่งใหม่ของแบรนด์ในใจผู้บริโภค (Brand Positioning) ให้มีความแตกต่างจากคู่แข่งและโดนใจมากขึ้นในใจผู้บริโภคได้ Y&Rchetypes ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญของ Y&R และมีความแตกต่างจากเครื่องมือการวางกลยุทธ์ทั่วๆไป เพราะช่วยเราจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆได้เป็นอย่างดี (เรียกได้ว่าเป็น Creative Tool) ทำให้ Y&R เราสามารถสร้างตำแหน่งของแบรนด์ (Brand Positioning) ที่มีความแข็งแรงในใจกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Categories: Seminar & Workshop Schedule | Tags: , , | No Comments

กิจกรรมเพื่อสังคมให้แก่เด็กโรงเรียนอนุบาลวังม่วง จ.สระบุรี

July 29th, 2010

BrandGym การกุศลคร้ังที่ 7 กิจกรรมเพื่อสังคมให้แก่เด็กโรงเรียนอนุบาลวังม่วง อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฏาคม 2553 โดยอาจารย์สรณ์ จงศรีจันทร์ เป็นแกนนำใหญ่ พร้อมด้วยทีมพี่ๆจาก

SunGroup ที่นำอาหารเมนูไก่อร่อยๆ มาให้น้องๆได้ทานกัน และพี่ๆทีมงานจาก Balloonie ที่ขนความสนุก

มาให้น้องๆกันอย่างเต็มที่ งานนี้น้องๆชั้นประถมกว่าร้อยชีวิต ได้ทั้งดูโชว์มายากลสนุกๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

และยังได้ทำลูกโป่งเป็นตัวผึ้งด้วยตัวเองอีกด้วย ปิดท้ายด้วยไก่อร่อยๆกว่า 20 กิโลโดยพี่ๆจาก SunGroup

Categories: Gallery Anything | Tags: , , , , | No Comments

กิจกรรมเพื่อสังคมให้แก่เด็กโรงเรียนบ้านมณีโชติ จ.สระบุรี

July 27th, 2010

BrandGym การกุศลคร้ังที่ 6 กิจกรรมเพื่อสังคมให้แก่เด็กโรงเรียนบ้านมณีโชติ อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฏาคม 2553 โดยอาจารย์สรณ์ จงศรีจันทร์ เป็นแกนนำใหญ่ พร้อมด้วยทีมพี่ๆจาก

SunGroup ที่นำอาหารเมนูไก่อร่อยๆ มาให้น้องๆได้ทานกัน และพี่ๆทีมงานจาก Balloonie ที่ขนความสนุก

มาให้น้องๆกันอย่างเต็มที่ ได้ทั้งดูโชว์มายากลสนุกๆ และยังได้ทำลูกโป่งกันอีกด้วย งานนี้อ่ิมทั้งบุญอิ่มทั้งท้อง

Categories: Gallery Anything | Tags: , , , , , | No Comments

4 ธาตุในการสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นและแตกต่าง

July 19th, 2010

4 ธาตุในการสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นและแตกต่าง โดย อ.สรณ์ จงศรีจันทร์

เมื่อวันเสาร์ที่ 17 กรกฏาคม 2553 ณ โรงแรมฟอรั่มพาร์ค ถ.นราธิวาส-จันทน์

งานนี้มีผู้ประกอบการเข้าร่วมสัมมนากว่า 40 ชีวิต ในบรรยากาศเป็นกันเอง

นอกจากจะได้ความรู้ในเรื่องของธาตุต่างๆที่จำเป็นในการนำไปใช้ในการ

สร้างแบรนด์แล้ว ยังได้ความรู้ในเรื่องของทฤษฏีใยแมงมุม ที่นำไปต่อยอด

ให้แบรนด์ประสบความสำเร็จและแตกต่างได้อีกด้วย นอกจากเรื่องเรียนแล้ว

พวกเรายังได้ช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้กับสินค้าภายใต้แบรนด์กินซันกันด้วย

โดยการนำเมนูใหม่ๆมาให้ทดลองชิมก่อนจะวางขายสู่ตลาด ไปชมกันดีกว่าคะ

เริ่มงานสัมมนาในช่วงเช้าอย่างสดใส

อาหารเบรกช่วงเช้า/บ่าย ให้ได้ยืดเส้นยืดสายกันซะหน่อย

แต่ละคนมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะตักตวงความรู้ให้ได้มากที่สุด

เรียนไปกินไป สนุกสนาน อิ่มสมอง อิ่มท้อง

เมนูใหม่ๆจากสินค้ากินซัน น่าตาน่ากินมากๆ (อร่อยสุดๆ)

ทุกคนช่วยกันชิมช่วยกันคอมเม้นต์เพื่อให้สินค้าดีขึ้นไปอีก

ปิดท้ายด้วยการจับแจกข้าวธรรม จาก พี่ปัง

งานนี้นอกจากได้ความรู้แล้ว ยังได้บุญกันถ้วนหน้าอีกด้วย สาธุ…..^___^

Categories: Gallery Anything | Tags: , , , | No Comments

ประกาศ…แจ้งเลื่อนวันสัมมนา “ชื่อและโลโก้ของธุรกิจ SMEs นั้นสำคัญไฉน”

April 28th, 2010

เรียนผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกท่าน

ขอเลื่อนงานสัมมนา “ชื่อและโลโก้ของธุรกิจ  SMEs นั้นสำคัญไฉน” จากเดิมวันพฤหัสบดีที่ 29 เม.ย.

เป็นวันพฤหัสบดีที่ 20 พ.ค. เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่สงบและอาจเกิดอันตรายได้

รวมทั้ง ศอฉ.สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร สนธิกำลังเคลียร์เส้นทางการจราจร บริเวณโดยรอบ

สี่แยกราชประสงค์เตรียมยึดพื้นที่คืน รวม 6 เส้นทาง คือ แยกพญาไท แยกศาลาแดง

แยกพงษ์พระราม-ถนนนราธิวาส แยกอังรีดูนังต์ และแยกอโศกมนตรี ซึ่งจะทำให้การเดินทาง

มายังโรงแรมตะวันนานั้นไม่สะดวก ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยคะ เนื้อข่าวเพิ่มเติมดังนี้คะ:

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000058641

Categories: Seminar & Workshop Schedule | Tags: , , , , | No Comments

เปิดซิง BrandGym Chapter 2 ณ บางกอกจ้าาา ^_^

May 30th, 2009

สวัสดีคะ กลับมาพบกันอีกแล้วนะคะ กับสาวก BrandGym ชาวบางกอก

หลังจากที่เมื่อต้นเดือนเราพึ่งไปบุกอุดรมา คราวนี้กลับมาถึงถิ่นเพื่อมา..

เปิดซิงคอร์ส BrandGym Chapter 2 ครั้งแรกจริงๆ กับเนื้อหา เรื่องราว

ที่ได้รับการคัดสรร การกลั่นกรอง และการอัพเดทต่างๆ โดยท่านอาจารย์

สรณ์ จงศรีจันทร์ (เจ้าเก่า เจ้าเดียว) ของประเทศไทยคะ ในวันที่ 22-23 &

29-30 พฤษภาคม 2552 จ้า ณ โรงแรมซัมเมอร์เซ็ต พาร์คสวนพลูจ้าาา

แหม…คอร์สนี้ใครไม่ได้เข้า ก็ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยจริงๆนะคะ

ก็มันสนุกมากจริงๆนินา (ไม่ได้โม้) เนื้อหาที่น่าสนใจ ใหม่ทันเหตุการณ์

ปล่อยของหมดครบทุกกระบวนวิชา ฮาฮาฮา ใครที่พลาดก็ต้องติดตาม

กันต่อไปนะจ๊ะ ว่าคอร์สดีๆแบบนี้จะเปิดอีกทีเมื่อไหร่ เพื่อไม่ให้เสียเวลา

เราไปชมภาพบรรยากาศของการอบรมครั้งนี้เลยดีกว่าคะ yeah yeah!!

วันที่ 22-23

พี่อ้อ เลขาสาวแสนสวยนั่งประจำโต๊ะลงทะเบียนด้านหน้าแต่เช้าจ้า

ทุกคนเริ่มทยอยกันเข้ามา มีทั้งหน้าเก่าๆ (ก็หลายคน) และ หน้าใหม่ๆ (อีกน้อยนิด)

อาจารย์ของเราพร้อมเริ่ม class (ล้อหมุน) แล้วคร๊าบบบบบ….

อาก้า (ไม้ไต่คิด) แนะนำประวัติของอาจารย์จ้า แต่แหม..ดูเหมือนจะไปรบเลยนะเนี่ย

ตั้งใจเรียนกันแต่เช้า…ไหนๆ มีใครแอบหลับกันบ้างไหม??

เรียนแล้ว ก็ต้องมีงานให้ทำสิคะ ไปดูกันดีกว่า ว่าแต่ละกลุ่มคิดกันหัวแตกแค่ไหน

ปล. แต่ละกลุ่มตั้งชื่อตามรูปภาพนะจ๊ะ หยอกล้อเพื่อความสนุกสนานคะ อิอิ :P

กลุ่ม “ตั้งใจอยู่” อย่าเพิ่งมารบกวนจ้า

กลุ่ม “พ่อ-แม่รักลูก” มีน้องโม่เป็นลูกอยู่คนเดียวเองเนอะ

กลุ่ม “สามหนุ่มหล่อ สองสาวสวย” หล่อๆ สวยๆ กินกันไม่ลงเลยทีเดียว

กลุ่ม “ฮากระจาย” นำทีมโดยอาก้า ระวัง! ท่านอาจหัวเราะได้โดยไม่รู้ตัว

ทำงานแล้วก็ต้อง present ใช่ไหม?? ไปดูกันโล้ดดดด… ไม่ยอมกันเลย

กลุ่มนี้ส่งพี่เซ้ง Centure ขึ้นมา กะว่าใช้ความหล่อเรียกเรตติ้งกลุ่มแรก

กลุ่มนี้ไม่ยอมเลยส่งพี่นก แฟนพี่เซ้ง (Ni-O-Ka) ขึ้นมาข่มต่อ พร้อมด้วยน้องโม่

กลุ่มต่อมาส่งพี่อาร์ท ณ Centure ขึ้นมาท้าชิงอีกเช่นกัน

กลุ่มสุดท้ายจะเป็นใครไม่ได้พี่ชาย Centure นั่นเอง แหม..ครบทั้งบริษัทเลยนะเนี่ย

อ.สรณ์ ของเรามาสรุปและต่อยอดไอเดียให้เพิ่มเติมจ้า

กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ไปเบิ่งกันว่ามีอะไรให้กินบ้าง….

อันนี้ Import มาจากอุดรเลยเด้อ ข้าวเกรียบอ่อน และ บ้องแบ๊ว เอ้ยไม่ใช่ บั่นแบ๋วจ้า

ขอขอบคุณน้าแว่นที่อุส่าห์แบกขึ้นเครื่องมาให้พวกเราได้กินกันนะคะ อร่อยมั่กมากกก

อันต่อมาปาท่องโก๋เกลียว และ ขนมครก จากพี่เบน คะ

เบรกพักผ่อนกันตามอัธยาศัย ของกินเพียบเลย ฮาฮาฮา น้ำลายไหลไหม??

อาหารเบรกของอาจารย์ สรณ์ ไว้โด๊ปเพิ่มพลังในการสอน

ทุกคนกินอิ่มมารอเรียนต่อกันแล้ว แต่อิ่มๆระวังหลับกันนะจ๊ะ

ท่านประธาน BrandGym แห่งประเทศ สั่งการจากกรุงเทพฯเลย busy ตลอดคนนี้

ล้อหมุนจริงจังแล้วนะ ตั้งใจเรียนกันใหญ่เลย จดกันเป็นมือระวิง อิอิ

มาทำกิจกรรมสนุกๆกันดีกว่า ยังจำกันได้ไหมเอ่ยว่าเล่นอะไรกัน??

สามัคคีช่วยกันทำใหญ่เลย เยี่ยมมากๆ

ท่านอาจารย์สรณ์ช่วยชี้แนะ

อาจารย์สรณ์ของเราปล่อยของหมดไส้หมดพุงเลย รีบมาโกยกันเร็ววววว

มาทบทวนกันหน่อย ลืมกันรึยังคะ??

วันที่ 29-30

เริ่มต้นด้วยภาพบรรยากาศในห้องเรียน

อาจารย์สรณ์พูดไม่หยุดเลยตั้งแต่เริ่ม สอนอย่างสนุกสนาน ครึกครื้น

ได้เวลาเบรคแล้วจ้าา ไปเบิ่งๆ ท้องร้องแล้วววว….

โอ้ว…ข้าวเหนีย หมูทอด ขนมครก น้ำเต้าหู้ น้ำถั่วเขียว น้ำฟักทอง โดยพี่เบน

วันนี้มีเจ้าภาพใจดีนำของมาแจกด้วยคะ มีหนังสือท่องเที่ยว โดยอาก้า

โบลชัวร์ Centure โดยพี่เซ้ง และหอยลายอบกรอบตราปุ้มปุ้ย โดยพี่เสริม

ใครสนใจชิ้นไหนติดต่อได้นะคะ

ไม่หมดเพียงเท่านั้นนะคะ อันนี้เจ้าตัวไม่ได้มาแต่ฝากถุงผ้าลดโลดร้อนน่ารักๆ

ของตราห่านคู่มาฝากเพื่อน BrandGym ทุกคนจ้า ขอบคุณพี่บี ห่านคู่ด้วยนะคะ

เดี๋ยวจะมาอัพเพิ่มให้ต่อนะจ๊ะ ^___^

Categories: Gallery Anything | Tags: | 4 Comments

แอบดู BrandGym Chapter 1 @ อุดรเด้อ

May 16th, 2009

กลับมาแอบดู BrandGym Chapter 1 ที่อุดรกันอีกครั้งจ้า

ครั้งนี้ต้อนรับได้ตื่นตาตื่นใจมากๆ เข้า check in ที่โรงแรม

เจริญโฮเต็ล (ของน้าแว่น นายกฯ) ไปถึงห้องก็พบกับ……..

นี่มันห้องเบอร์เดียวกับบ้านเลขที่บ้านเลย แกล้งกันนินา

ห้องอาจารย์สรณ์ จงศรีจันทร์

ห้องจีจี้

แอบมีองุ่นและดอกไม้ตั้งอยู่บนโต๊ะด้วยนะ

สภาพห้องของโรงแรม ห้องเตียงคู่จ้า

มีอโรมาหอมๆ ตั้งอยู่ในห้องน้ำด้วย สบายๆ

ตะลึง เปิดตู้เย็นพบกับน้ำ ขนม ช็อคโกแล๊ต วีต้า ฯลฯ อิอิ

ป้ายต้อนรับอย่างอบอุ่น ไม่มีบอกว่า BrnadGym เลยนะ >_<”

ป้ายชื่อดูไฮโซมากมาย โดยพี่คุง ณ ยู่อี่การพิมพ์

น้าแว่น นายกอุดร กล่าวเปิดงานจ้า

รุ่นพี่มาให้กำลังใจรุ่นน้องกับพร้อมหน้าพร้อมตา

น้องใหม่ตั้งหน้าตั้งตาฟังรุ่นพี่อย่างตั้งใจ ภาพทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพเบื้องหน้านะ

ต่อไปนี้เราไปพบกับภาพเบื้อหลังกันดีกว่า ว่าเป็นอย่างไรบ้าง (ระวังขำนะ)

อาจารย์สรณ์ของเราซุ่มเงียบอยู่ด้านหลังเตรียมความพร้อม

พร้อมแล้วครับ สู้ๆ..สู้ตาย.. แอ๊บแบ๊ว

แอบซุ่มมองจากด้านหลัง ว่าข้างหน้าเป็นยังไงบ้าง

เปิดตัวอาจารย์สรณ์บนเวที พร้อมลุยกันแล้วจ้า

ส่วนเบื้องหลัง รุ่นพี่ก็ประชุมงานกันอย่างสนุกสนาน

โฉมหน้าหล่อๆ สวยๆ เท่ห์ๆ ของรุ่นพี่จ้าาา

ส่วนเบื้องหน้ารุ่นน้องก็ตั้งใจเรียน นั่งฟังกันตาแป๋ว

ได้เวลาพัก..กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ของเบรกมากมาย

ไม่ได้มีแค่ขนมปัง กาแฟ เท่านั้นนะ ยังมีผลไม้อีกด้วย

ทานเบรกกันอย่างสนุกสนาน ผ่อนคลาย ทำความรู้จักกัน

ร่วมทำกิจกรรมกันอย่างสนุกสนาน ไอเดียกระจาย

กลุ่มนี้ระดมความคิดกันอย่างจริงจัง

กลุ่มนี้มีเด็กอัจฉริยะอย่างน้องเอกรวมอยู่ด้วย

กลุ่มนี้ไอเดียเต็มกระดาษเลย ดูบนโต๊ะสิ

กลุ่มนี้เริงร่า สนุกสนานไปกับการทำงาน

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะจ๊ะ แล้วจะเอาภาพพิธีปิดมาลงเพิ่มเติมให้ต่อ

อย่าลืมติดตามกันต่อนะจ๊ะ มีภาพหลุดๆอีกเยอะ อิอิ ^______^

Categories: Gallery Anything | Tags: | No Comments

“BrandGym-Chapter1” @ อุดร & ปากช่อง/โคราช

January 24th, 2009

“BrandGym – Chapter 1” @ อุดร

วันที่ 4-7 กุมภาพันธ์ 2552  /  เวลา 09:00-16:00 น.

—————————————————–

“BrandGym – Chapter 1” @ ปากช่อง/โคราช

วันที่ 12-15  กุมภาพันธ์ 2552  /  เวลา 09:00-16:00 น.

โดย อาจารย์ สรณ์ จงศรีจันทร์
นักกลยุทธ์ นักสร้างแรงบันดาลใจ และผู้เชี่ยวชาญในการสร้างแบรนด์

ในวิกฤตย่อมมี “โอกาส” เสมอ…
หากคุณมีแผนในการทำธุรกิจ และสร้างแบรนด์ของตัวเองให้แตกต่าง
และประสบความสำเร็จ

การสัมนาและ Workshop 4 วันอย่างเจาะลึกในทุกแง่มุม
ที่มีผู้ประกอบการ SMEs กว่า 2,000 คน
เคยผ่านการอบรมหลักสูตรนี้มาแล้ว ใน 2 ปีที่ผ่านมา

ไม่ใช่แค่กลยุทธ์ในการทำธุรกิจเท่านั้น!!
แต่ยังมีหลักในการคิด…และมุมมองใหม่ๆ…
ที่จะพาให้ธุรกิจของคุณก้าวล้ำไปสู่อนาคตได้อย่างง่าย

แนวทางสู่ความสำเร็จ…
•    ทำไมธุรกิจ SMEs ต้องสร้างแบรนด์??
•    ทำไมลูกค้าถึงหายไป??
•    แบรนด์คืออะไร??
•    ชื่อและโลโก้นั้นสำคัญไฉน??
•    ใช้ 4 ธาตุในการสร้างธุรกิจให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
•    มารู้จัก 7 ตัวตนของผู้บริโภค
•    การสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า
•    ฯลฯ .. ที่เป็นประโยนช์ในการทำให้ธุรกิจให้ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น

**รับจำนวนจำกัด**

สนใจเข้าร่วมอบรมหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่…
คุณกมลพร ตรียะชาติ (แว่น)   : 086-773-4351     —- อุดร
คุณรัศมี ซิ้มเจริญ (หมี)           : 081-613-8783     —- ปากช่อง
คุณเนติมา ตั้งสถิตชัย (เก๋)      : 081-966-2200    —- โคราช 

Categories: Seminar & Workshop Schedule | Tags: | 7 Comments