PROBLEM SPELLED O-P-P-O-R-T-U-N-I-T-Y ^__^
May 27th, 2009
PROBLEM SPELLED O-P-P-O-R-T-U-N-I-T-Y
ที่ไหนมีวิกฤต ที่นั่นย่อมมีโอกาส จริงไหม?? ลองไปสะกดคำว่าปัญหากันใหม่ดีกว่า แล้วคุณจะรู้ว่าปัญหาทุกอย่างมีทางออกอยู่เสมอ อยู่ที่ตัวเราเองแล้วแหละว่าจะเลือกทางไหน…
จากการคาดการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2009 นี้ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยจะอยู่ในระดับประมาณ 2% เมื่อเทียบกับที่เคยคาดการณ์ไว้ 4% ก่อนเกิดฟองสบู่แตกขึ้นในสหรัฐอเมริกาและการชุมนุมต่างๆในกรุงเทพฯช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจใหญ่ระดับโลกเช่น ธุรกิจธนาคาร ธุรกิจประกันภัย หรือแม้กระทั่งอุตสาหกรรมหนักอย่างธุรกิจผลิตรถยนต์ ต่างพากันเจ็บทั่วหน้า
คนที่ต้องตกงานในสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤศจิกายนเพียงเดือนเดียว มีอัตราสูงถึง 530,000 คน และคงทวีขึ้นตามลำดับจากพิษเศรษฐกิจที่ไม่ปราณีใคร
ในช่วงเศรษฐกิจที่ซบเซาเช่นนี้ การอยู่รอดทางธุรกิจน่าจะเป็นกลยุทธ์ที่นำมาใช้ได้ดีกว่าการสร้างกำไรในธุรกิจ ไม่ได้หมายถึงให้ผู้ประกอบการทำธุรกิจขาดทุน เพียงแต่ให้คิดถึงกลยุทธ์ Win-Win ที่ผู้ประกอบการเองอยู่ได้ และผู้บริโภคเองก็อยู่ได้ ต่างคนต่างได้ซึ่งกันและกันไม่มีใครเสียเปรียบใคร
มีข้อคิดอันหนึ่งที่ว่า…
ถ้าผู้ประกอบการยังคงรักษาระดับของราคาสินค้าหรือบริการเอาไว้คงเดิมในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจซบเซาแบบนี้ ผลที่จะตามมาคือผู้ประกอบการรายนั้นก็จะสูญเสียส่วนแบ่งการตลาด (Market Share)
และถ้าผู้ประกอบการนำกลยุทธ์การลดราคาเข้ามาใช้ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจซบเซา ผู้ประกอบการรายนั้นก็จะอยู่ในสภาวการณ์สูญเสียผลกำไรหรือสูญเสีย Margin นั่นเอง
จะเลือกทางเดินไหนดี?
ผลกระทบในครั้งนี้เกิดขึ้นเป็นลูกโซ่
ต้นน้ำถูกกระทบ กลางน้ำถูกกระทบไปจนถึงปลายน้ำก็ถูกกระทบ
ไม่มีใครได้เปรียบ ไม่มีใครเสียเปรียบ
ลองทำตัวเป็นผู้ประกอบการดู ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตกลงมาในระดับที่ต่ำพอสมควร ถ้าคุณกำลังเป็นลูกหนี้ธนาคารใดธนาคารหนึ่งอยู่เชื่อได้ว่าคุณจ่ายดอกเบี้ยในราคาต่ำลงและยิ่งต่ำลงในกรณีที่ยอดกู้สูง แบบนี้ก็ช่วยแบ่งเบาภาระไปได้ในระดับหนึ่ง
และถ้าคุณเป็นลูกหนี้ในระดับที่ดี ไม่มีประวัติเสีย ธนาคารคงเต็มใจที่จะช่วยเหลือลูกหนี้ของเขาในทุกรูปแบบ ขออย่างเดียวอย่าหนีก็แล้วกัน
โอกาสยังมีอยู่ให้เห็นอีกมากมายสำหรับผู้ประกอบการ
คุณน่าจะลอง Outsource การผลิตงานบางส่วน งานบางอย่างออกจากบริษัทดู ด้วยเหตุผลที่พนักงานของคุณส่วนหนึ่งอาจถูกเชิญให้ออกไปแล้ว มันอาจจะเป็นเหตุผลที่ดีในระยะยาวก็ได้ที่บริษัทของคุณมีต้นทุนในการจ้างงานที่น้อยลง มีจำนวนพนักงานที่กระชับ มีประสิทธิภาพ ไม่มากจนเกิดไขมันที่ไม่พึงปรารถนา สุดท้ายองค์กรก็มีผลผลิตที่ดีขึ้น อย่างที่ฝรั่งเขาพูดว่า “Loss for Gain”
กลยุทธ์การ “เช่าซื้อ” ก็เป็นทางออกที่ดีสำหรับการทำธุรกิจในปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้าเสมอไป เสียเมื่อใดก็ยกกลับไปเปลี่ยน ไม่ต้องปวดหัวกับการซ่อมบำรุงที่มีค่าใช้จ่ายที่สูง ประกอบกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากจนเราไม่สามารถที่จะตามทัน ถ้าซื้ออะไรมาก็อยากจะใช้ให้คุ้มค่า แต่ปรากฏว่าเวลาผ่านไปเพียงแค่ 6 เดือนสิ่งของที่คุณได้ซื้อไปกลับล้าสมัย ไม่ทันเหตุการณ์หรือตกรุ่น ยิ่งทำให้โอกาสในการสร้างนวัตกรรมหรือสร้างประสิทธิภาพในธุรกิจของคุณให้เดินช้าไปกว่าการแข่งขันในตลาดหรือคู่แข่งด้วยเพียงประโยคนี้ประโยคเดียว “เสียดายยังใช้ไม่คุ้มเลย”
ในยุคข้าวยากหมากแพงเป็นโอกาสที่ทุกธุรกิจต้องหันมาทบทวนตัวเอง
ทบทวนในแต่ละ “P” ที่เคยทำอยู่ในอดีต
สิ่งของใดถ้าไม่เสีย คุณก็ไม่ซ่อมมันหรอก
หรือถ้าโทรศัพท์มือถือคุณไม่หล่นหาย คุณก็จะไม่เปลี่ยนไปซื้อเครื่องใหม่มาแทน ฉันใดก็ฉันนั้น
อย่าไปเสียใจ กลุ้มใจ และโศกเศร้าอยู่กับความวุ่นวายของเศรษฐกิจและการเมืองเลย หันมามองว่านี่แหละคือยากระตุ้นขนานแท้ที่จะทำให้คุณและธุรกิจของคุณแข็งแรงขึ้น
ยามใดที่ไม่เจอกับวิกฤต การดำเนินธุรกิจจะเคลื่อนไปข้างหน้าแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป เชื่อได้เลยว่าไม่ค่อยมีผู้ประกอบการอยากทำอะไรนอกคอก นอกกฎเกณฑ์ของการทำธุรกิจที่ดูเหมือนว่าเป็นสูตรสำเร็จมาอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
มีใครอยู่ดีๆเดินไปหาหมอแล้วบอกว่า “ช่วยผ่าตัดไส้ติ่งให้ผมหน่อย” โดยที่ไม่ปรากฏอาการเจ็บปวดบริเวณช่องท้อง
หลายธุรกิจได้ประโยชน์จากวิกฤตทางเศรษฐกิจครั้งนี้
ธุรกิจรถยนต์มือสองเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ก็ยังเสียดายเงินก้อนใหญ่ที่ต้องจ่ายออกไปซื้อรถยนต์คันใหม่เอี่ยม รถยนต์มือสองมีราคาถูกกว่าเยอะ เก็บเงินเอาไว้สำหรับทำอะไรอย่างอื่นน่าจะดีกว่า ถ้าไม่มีวิกฤตทางเศรษฐกิจ คนส่วนใหญ่มักจะไม่คิดถึงปรัชญาที่ในหลวงท่านเคยสอน “เศรษฐกิจพอเพียง อยู่อย่างพอเพียง”
วิกฤตทำให้ผู้บริโภคมีข้อแก้ตัวและการปลอบใจให้กับตัวเองมากขึ้น
“ปีนี้ไม่ไปต่างประเทศหรอก ประเทศไทยมีอะไรดีๆให้เที่ยวอีกตั้งเยอะแยะ”
ธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศคงได้อานิสงส์จากเหตุการณ์นี้อย่างเห็นได้ชัด
ผมเพิ่งได้รับ Email จากโรงแรม 5 ดาวโรงแรมหนึ่งในใจกลางกรุงเทพฯ ที่มีข้อเสนอให้กับคนไทยหรือชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย มาพักแรมในราคาเพียงแค่ 2,990 บาท (รวมภาษีและค่าบริการแล้ว) ต่อคืน รวมของแถมและสิทธิพิเศษอีกมากมายในการใช้บริการห้องอาหาร ห้องออกกำลังกายในโรงแรม คุ้มสุดๆ ไม่ไปก็ต้องเสียใจ เพราะเมื่อเศรษฐกิจฟื้นกลับขึ้นมารับรองได้ว่าคนไทยอย่างผมคงไม่มีโอกาสแบบนี้
และยังมีโรงแรม 5 ถึง 6 ดาวในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ที่ใช้กลยุทธ์เชื้อเชิญให้คนไทยให้มาใช้บริการของตน เนื่องจากเศรษฐกิจที่ซบเซา
ในศาสตร์ของการสร้างแบรนด์มันคือการสร้าง Trial เพื่อให้เกิดการซื้อขายแบบต่อเนื่อง จนกระทั่งกลายพันธุ์จากลูกค้าทั่วไปมาเป็นสาวกที่ซื่อสัตย์ต่อแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง
ช่วงนี้เห็นโฆษณารถยนต์จากหลายค่าย ที่พยายามสร้างโอกาสในวิกฤต เพื่อให้ธุรกิจยังคงอยู่รอดไปได้ พร้อมๆกับการใช้กลยุทธ์ลด แลก แจก แถม เพื่อให้เกิด Trial ในกลุ่มเป้าหมาย
ผมไม่เชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ เมื่อเห็นโฆษณาจากแบรนด์รถยนต์หรูค่ายเยอรมัน “ดาวน์ต่ำ 0% ผ่อนนาน 60 เดือน ฟรีประกันภัยชั้น 1” เห็นคนแห่ไปจองกันเพียบ ข้อเสนอดีๆแบบนี้ ไม่ต้องเกรงใจกระเป๋าเงินตัวเองก็ได้
สินค้าแบรนด์จากเกาหลีและจีน ก็พลอยรับผลบุญจากวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้ไปด้วย
โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าจากค่ายเกาหลีที่มีคุณภาพดีเทียบเท่าคุณภาพของสินค้าประเภทเดียวกันที่เป็นแบรนด์จากค่ายญี่ปุ่น แต่ราคาถูกกว่าหรือคุ้มค่ากว่า ภาพพจน์ ภาพลักษณ์ของสินค้าเหล่านี้ดูดี มีสไตล์ ที่บ้านผมเองก็มีอยู่หลายชิ้น ต้องชมว่าค่ายเกาหลีเขาก็สร้างแบรนด์ของเขาได้ดีมาอย่างต่อเนื่อง จากแบรนด์ที่เคยถูกซ่อนไว้หลังบ้าน กลายมาเป็นแบรนด์ที่วางไว้ในห้องรับแขกหรือใช้ในชีวิตประจำวัน
ถ้าใครยังไม่เคยไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ขอช่วยประชาสัมพันธ์ให้กับสายการบินหนึ่งของประเทศไทยที่บริหารงานโดยเอกชน ด้วยราคาค่าตั๋วโดยสาร รวมภาษีสนามบิน ค่าธรรมเนียมน้ำมัน ค่าประกันการเดินทาง ที่คุณจะต้องตะลึง แต่ต้องรวมกันซื้อให้ได้ 10 ใบและจะเดินทางเมื่อใดในปีนี้ก็สุดแล้วแต่ความสะดวกสบายของแต่ละคน และนี่เป็นโอกาสของคนบางกลุ่มที่จะได้ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นครั้งหนึ่งในชีวิต
ถ้าพิจารณากันให้ดี ผู้บริโภคมีแต่ได้กับได้ สินค้าหลายหมวดหมู่พากันลดราคาลงไปแล้ว ค่าตั๋วโดยสารทางบก ทางอากาศ ทางเรือก็ลดลงมาธุรกิจดูเหมือนแย่แต่ก็ใช่ว่าจะแย่กันทั้งหมด
แบรนด์ในช่วงนี้ต้องเป็นแบรนด์ที่มี Relevance สูง มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตหรือเกี่ยวข้องกับปัจจัยทั้ง 4 อะไรที่นอกเหนือจากนี้ก็ดูเฉาๆไปสักหน่อย
ช่วงนี้ เวลานี้ได้ยินโฆษณาประเภทนี้บ่อยมากๆ
“คุ้มค่าสุดๆ”
“ซื้อ 1 แถม 1”
“ชิงรถ ชิงทองคำ”
“ไม่มีที่ไหนให้คุณได้มากกว่านี้”
“ถูกกว่า ประหยัดกว่า”
ผมเห็นด้วยว่า Problem สะกด O-P-P-O-R-T-U-N-I-T-Y
ยังไงๆก็มีโอกาสให้เราได้ไขว่คว้า ไม่ว่าจะเป็นต้นน้ำ กลางน้ำหรือปลายน้ำ และทุกอย่างก็จะกลับไปในรูปแบบของวัฎจักรที่เวียนว่ายตายเกิดไม่มีวันสิ้นสุด
วันนี้แย่ พรุ่งนี้ก็ดีเอง
พรุ่งนี้ดี มะรืนหน้าจะดีสุดๆ
จงมองทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นโอกาส
- ขอขอบคุณบทความดีๆ จากท่าน อ.สรณ์ (เจ้าเก่า) จ้า
Categories: Articles Anything | Tags: PROBLEM SPELLED O-P-P-O-R-T-U-N-I-T-Y | No Comments